วอชิงตันดีซีสงบน่าขนลุก?!? FBI ตรวจประวัติย้อนหลังทหารคุ้มกันรัฐสภาหวั่นป่วนพิธีสาบานตน ขณะทรัมป์นิรโทษบริวารทิ้งทวน 

1768

ทรัมป์ไปไบเดนมา อเมริกาเผยธาตุแท้ปชต.จอมปลอม ภาพที่ปรากฏต่อสายตาชาวโลก รอบรัฐสภาสหรัฐกลายเป็น “เขตทหารห้ามเข้า” ภายใต้แรงกดดันกังวลความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้นในวันพิธีสาบานตนของโจ ไบเดนในวันพรุ่งนี้ 20 ม.ค. ความหวาดระแวงขีดสุด ทำให้เอฟบีไอและเพนตากอนต้องร่วมกันตรวจสอบประวัติย้อนหลัง ทหารจากหน่วยพิทักษ์มาตุภูมิกว่า 25,000 นายทุกนาย หวั่นแทรกซึมป่วนพิธี ขณะทรัมป์เร่งอภัยโทษบริวารนับร้อยก่อนโบกมือลาไวท์เฮ้าส์ คาดจากนี้ไปเป็นรอบเช็คบิลล์ทรัมป์จากเดโมแครตและศัตรูรอบทิศเพื่อให้ตายทางการเมืองอย่างถาวร จับตาการต่อสู้ยืดเยื้อของฝั่งทรัมป์

สงครามในบ้านทำตึงเครียดจนระแวงกันเอง

สำนักข่าวเดลีเมล์เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กลาโหมของสหรัฐกังวลว่าอาจเกิดเหตุความไม่สงบขึ้นจากบุคคลภายในหรือสมาชิกในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารับตำแหน่งของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จึงได้ประสานให้เอฟบีไอดำเนินการตรวจสอบกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิทั้งหมด 25,000 นายที่จะเข้ามาในพิธีสาบานตนอย่างเข้มงวด

ไรอัน ดี. แมคคาร์ธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกองทัพบกสหรัฐ เปิดเผยต่อสำนักข่าวเอพีว่าเจ้าหน้าที่ได้ตระหนักถึงภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นและย้ำเตือนให้ผู้บังคับบัญชาระวังปัญหาในขณะที่พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แม้ว่าจนถึงขณะนี้เจ้าตัวและผู้นำคนอื่นๆ ยังไม่พบหลักฐานของภัยคุกคามใดๆก็ตาม

ทิ้งทวนแบบทรัมป์-นี่แหละอเมริกันของแท้

สื่อต่างประเทศคาดว่า ทรัมป์ จะทำพิธีอำลาตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งจัดขึ้นที่ ฐานทัพร่วมแอนดรูว์ ในรัฐแมรีแลนด์ จากนั้น จะขึ้นเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ Air Force One ครั้งสุดท้าย ไปยังคฤหาสน์ในรีสอร์ตส่วนตัว มาร์-อา-ลาโก ที่เมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา

นอกจากนั้น ยังมีข่าวว่าตลอดทั้งวันอังคารที่ 19 ม.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการทำงาน ทรัมป์จะเร่งให้อภัยโทษและลดโทษให้แก่ผู้กระทำผิดนับ 100 คน ซึ่งผู้ที่จะได้รับอภัยโทษและลดโทษ ได้รับการขนานนามว่า “โจรใส่สูท”  ทั้วบริวารและผู้สนับสนุนเขาทั้งนี้ ทรัมป์ได้เคยให้อภัยโทษพวกพ้อง และผู้สนับสนุนเขาเพิ่มเติมชุดใหญ่ เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2563 ในจำนวนนี้ รวมถึง นายชาร์ลส์ คุชเนอร์ พ่อของนายจาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขย ซึ่งชาร์ลส์ คุชเนอร์ มีความผิดฐานเลี่ยงภาษี

ทรัมป์ลาแล้วไม่ยอมลาลับ แต่ยากจะกลับมาอย่างเท่ๆ

จากนี้ไป เป็นชะตากรรมที่ทรัมป์จะต้องเตรียมรับอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง 

-นางแนนซี่ เปโลซี ประธานสภาผู้แทนฯจะส่งเรื่องการถอดถอนสู่วุฒิสภา ซึ่งคงหลังจากวันที่ 20 ม.ค. ซึ่งจะเป็นองค์ประชุมใหม่ ที่พรรคเดโมแครตคุมเสียงข้างมาก วุฒิสมาชิก 100 คน จะต้องทำหน้าที่เป็นลูกขุนตัดสินความผิด (conviction) หากคะแนนเสียง 2 ใน 3 (67คน) ตัดสินว่าประธานาธิบดีทรัมป์ผิด ก็จะมีการยื่นมติต่อเนื่องห้ามกลับเข้ามาสู่การเมืองอีก

พันธมิตรของทรัมป์เริ่มตีจาก ธุรกิจต่างๆ ถอนตัว เลิกสัญญา ผู้ที่เคยสนับสนุนเริ่มเมินเฉยและทอดทิ้ง ธนาคารตัดความสัมพันธ์ ฯลฯ 

การสืบสวนดำเนินคดีและฟ้องต่อศาลทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาจะรุมเร้าทันทีที่ลงจากตำแหน่ง เริ่มจากอัยการรัฐนิวยอร์กซึ่งเตรียมคดีการเงิน ภาษี ประกันภัย อัยการของแมนฮัตตัน ด้วยคดีการเงินและการละเมิดกฎหมายการเลือกตั้ง อัยการ Fulton County รัฐ Georgia เรื่องการแทรกแซงการเลือกตั้ง และคดีหนักที่สุดก็คือการยุยงให้เกิดการจลาจลล้มล้างอำนาจของรัฐในกรณีบุกรัฐสภา ซึ่งโทษจำคุกถึง 20 ปี สมาชิกในครอบครัวและคนใกล้ชิดก็จะมีปัญหาทางกฎหมายเช่นกัน