แฉยับ “ปิยบุตร” หลอกคนไทย ไม่นำการแก้ไข ม.112 มาเกี่ยวกับพรรค เทียบชัดๆ มุขเดิมเลือกตั้งนายกฯ อบจ. รอแพ้แบบแลนด์สไลด์อีกรอบ!!
จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เผยแพร่แผนการจัดการเลือกตั้ง และประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี โดยมีเนื้อหาว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้แจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าคณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษา เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2564 ลงมติให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีในวันอาทิตย์ที่ 28 มี.ค. 2564 และวันรับสมัครเลือกตั้งระหว่างวันจันทร์ที่ 8 ถึงวันศุกร์ที่ 12 ก.พ. 2564 เพื่อให้เป็นไปตามแผนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี
ทั้งนี้ คณะก้าวหน้า ได้ประกาศรับสมัครตัวแทนชิงนายกเทศมนตรี – สมาชิกสภาเทศบาล โดยยืนยันภารกิจ ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ด้วยการส่งตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้งในทุกระดับ โดยมีพื้นฐานที่เรามีร่วมกันในการทำงานคือ มีจุดยืนที่หนักแน่นด้านประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ ยึดแนวทางการทำงานของพรรคอนาคตใหม่เดิม ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น งบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนต้องถูกใช้อย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ หรือการทำตัวเป็นนักเลงผู้มีอิทธิพล
ซึ่งหลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ได้ออกมาประกาศตัวชัดเจนว่า อยากจะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยบอกว่า สถาบันเป็นปัญหาของบ้านเมือง โดยมีการออกมาสนับสนุนม็อบของคณะราษฎร ที่มีแนวทางการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน โดยที่ผ่านมานั้น ก็มีการสร้างวาทกรรมเพื่อปลุกระดมให้เยาวชนออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ธนาธร อยู่เบื้องหลังม็อบ และมีการเรียกร้องให้นายธนาธรออกมานำม็อบด้วยตัวเอง ในขณะเดียวกัน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ก็ได้ออกมาหนุนให้ยกเลิก มาตรา 112 โดยกล่าวว่า มาตรา 112 มีปัญหาในทุกมิติ ทั้งในแง่ของตัวบทกฎหมาย ในแง่ความไม่ได้สัดส่วนของอัตราโทษ ในแง่การนำมาใช้และตีความ ในแง่ของอุดมการณ์ที่กำกับอยู่เบื้องหลัง ดังที่ผมเคยแสดงความเห็นไว้ในหลายโอกาส ปัจจุบัน สถานการณ์การนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาใช้ ก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และมีทีท่าจะแรงต่อเนื่องไปอีก จึงผลักดันร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกมาตรา 112 โดยเร็วที่สุด
และเมื่อหากย้อนไปเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2564 นายปิยบุตร ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2562 เกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา 112 ว่า การร่วมรณรงค์แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของผม เป็นการกระทำและความเห็นส่วนตนของผมซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้า ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่แต่อย่างใด ความเห็นส่วนตนของผมจึงไม่ใช่นโยบายของพรรค และไม่ใช่คำประกาศอุดมการณ์ของพรรค ในอนาคต เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งรับจดทะเบียนให้พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองแล้ว พรรคอนาคตใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องผูกพันกับความคิดของผม พรรคการเมืองมีสถานะเป็นนิติบุคคลแยกออกต่างหากจากสมาชิกพรรค ความคิดเห็นส่วนตนของผม จึงต้องแยกออกจากความคิด วัตถุประสงค์ และนโยบายของพรรค การนำความเห็นส่วนตนของผมไปตีขลุมเอาเองว่าเป็นความคิดของพรรคอนาคตใหม่ ย่อมไม่เป็นธรรมต่อพรรคอนาคตใหม่ สมาชิกพรรค และประชาชนผู้สนับสนุนพรรค และยืนยันว่า จะไม่นำเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาเกี่ยวข้องกับพรรค และไม่นำไปผลักดันในพรรค ซึ่งขณะนี้ การแก้ไขมาตรา 112 กำลังเป็นประเด็นที่น่าสนใจ และทางด้านพรรคก้าวไกล ก็มีการเตรียมเสนอแก้ไข มาตรา 112 ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงความย้อนแย้งและคำพูดของนายปิยบุตร ซึ่งเห็นได้ชัดว่า พฤติกรรมก่อนการเลือกตั้งและหลังจากการเลือกตั้งนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หากย้อนไปที่มีการเลือกตั้งนายกฯอบจ. และนายธนาธรก็ได้เดินไปหาเสียงเลือกตั้งในพื้นที่ต่างๆ ทำให้เกิดปรากฎการณ์ขับไล่นายธนาธร เพราะมองว่า นายธนาธร เป็นคนต่อต้านสถาบันและอยากที่จะล้มล้างสถาบัน ส่งผลทำให้ผู้สมัครนายกฯอบจ.ในนามคณะก้าวหน้า ไม่ได้รับการเลือกตั้งเลยแม้แต่จังหวัดเดียว ซึ่งหลายคนมองว่า การพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งนายกฯอบจ.ของคณะก้าวหน้านั้น มีผลมาจากการคิดที่จะปฏิรูปสถาบันของนายธนาธร