“ดร.นิว” จวกยับ “ม็อบปลดแอก” น่ารังเกียจกว่าเชื้อโรค โควิดวิกฤตยังกล้าป่วนสังคม

1851

จากกรณีเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 64 กลุ่มการ์ดปลดแอกรวมตัวกันบริเวณเกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งการรวมตัวมีลักษณะสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค

ในขณะมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่ออยู่ ทาง พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเลขา ผกก.สน.พญาไท ได้ลงไปประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนเรื่องข้อกฎหมาย และให้ยุติกิจกรรม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมกลับเพิกเฉย ตำรวจจึงบังคับใช้กฎหมาย จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือนายใบบุญ ไทยพานิช อายุ 20 และ นายภาณุพงษ์ พงษ์ธนู อายุ 20 ปีในความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควบคุมโรค ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

จากนั้นกลุ่มผู้ทำกิจกรรม ได้เคลื่อนขบวนไปตามถนนพญาไท และเวลาประมาณ 16.00 น.เศษ ได้ปิดการจราจรถนนพญาไท บริเวณหน้าปากซอยจุฬา 34 ทำให้การจราจรติดขัดอยู่ระยะหนึ่ง ทำให้ พล.ต.ต.เมธี รักพันธ์ ผบก.น.6 และพ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน ได้ไปแจ้งเตือนให้เปิดการจราจร ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนทยอยขึ้นมาบนฟุตปาธ แต่บางส่วนยังฝ่าฝืนอยู่ ตำรวจจึงบังคับใช้กฎหมายจับกุมผู้กระทำผิด 4 ราย คือ

1.นายสถาพร วราวงศ์วณิชน์ อายุ 27 ปี
2. นายอภิสิทธิ์ ชนากรณ์ อายุ 40 ปี
3. นายกฤษณาสาระ อายุ 49 ปี
4. นางจารุณี สาแผลง อายุ 52 ปี ส่งพนักงานสอบสวน ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค1

นอกจากนี้เวลา 16.15 น. ได้มีกลุ่มการ์ดลงมาแย่งชิงโทรศัพท์ของตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน และผลักอก เป็นเหตุให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บ รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ

ONBNEWS

ด้านพล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า ขอเรียนให้ทราบว่า เวลานี้เป็นช่วงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ การแจ้งการชุมนุมสาธารณะไม่สามารถทำได้ เพราะขัดต่อกฎหมายทั้งสองฉบับ เมื่อแจ้งการชุมนุมไม่ได้ อาจเสี่ยงต่ออันตรายจากมือที่สาม ซึ่งการชุมนุมเมื่อวานนี้ (16 มกราคม) ตำรวจจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หากไม่ดำเนินการก็จะเป็นเรื่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

เมื่อมีเหตุผู้ชุมนุมรวมตัวกัน ตำรวจได้ดำเนินการอย่างละมุนละม่อม เป็นขั้นตอน ที่ตนกล้ายืนยันแบบนี้เพราะมีสื่อมวลชนหลายสำนักได้ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก ยูทูป สามารถตรวจสอบได้ ตำรวจมีการอธิบายข้อกฎหมาย และการเข้าดำเนินการก็พิจารณาแล้วว่า ผู้ชุมุมฝ่าฝืน พยายามต่อต้านการทำงานของตำรวจตลอดเวล ตำรวจจึงต้องดำเนินการตามยุทธวิธี

ล่าสุด ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความระบุว่า

“#ม็อบโง่เราจะติดโควิดกันหมด
แม้โควิดกำลังแพร่ระบาด แต่ม็อบสามนิ้วกลับออกมาสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนสังคม ไม่ได้มีจิตสำนึกคิดถึงประโยชน์ของส่วนรวม ตกเป็นเหยื่อทางความคิดรับใช้อุดมการณ์เลวๆของคนชั่วๆกลุ่มหนึ่ง
ม็อบสามนิ้วแอบอ้างประชาชนเพื่อสร้างความชอบธรรม แต่ก็เป็นเพียงแค่ลมปาก เพราะม็อบสามนิ้วไม่เคยทำอะไรที่เกิดประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศเลย หากแต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังม็อบทั้งสิ้น
ชุดความคิดแย่ๆที่ถูกปั่นกระแสขึ้นโดยคนที่อยู่เบื้องหลังม็อบ จึงไม่ต่างอะไรจากเชื้อไวรัสทางความคิด ทำให้คนปกติกลายเป็นคนที่ไม่ปกติ มีพฤติกรรมก้าวร้าว กักขฬะ หยาบคาย แปลกประหลาด สร้างความวุ่นวายปั่นป่วนสังคม บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติตัวเอง โดยไม่เคารพกฎหมายและสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น รวมถึงกลุ่มจัดตั้งภายในม็อบที่เห็นแก่ปากท้องของตนเอง ยอมรับเงินค่าจ้างเพียงเล็กน้อย แลกกับการบ่อนทำลายประโยชน์สุขของคนไทยทั้งประเทศ
เราจึงควรตั้งชื่อถาวรให้กับ #ม็อบสามนิ้ว ที่เปลี่ยนชื่อบ่อยมากที่สุด เป็น #ม็อบโควิด เพราะเป็นม็อบที่มีพฤติกรรมน่ารังเกียจไม่ต่างจากเชื้อไวรัสโควิด แถมยังไร้จิตสำนึกออกมาป่วนสังคมในยามที่โควิดกำลังแพร่ระบาดอีกต่างหาก
ดร.ศุภณัฐ
18 มกราคม พ.ศ. 2564
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ”