อดีตบิ๊กข่าวกรอง ฟันชัด ม็อบล้มเจ้า คนในขบวนการเริ่มแตกแยก ราษฎรเก๊โผล่ ปาระเบิดสามย่านมิตรทาวน์ เดินตามรอยม็อบเสื้อแดงเทียม
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2564 กลุ่มผู้ชุมนุมนัดรวมกันตัวที่สามย่านมิตรทาวน์ นำโดยนายกิตติ์พิวัฒน์ สีบุญเรือง หรือบก.เอ็ม ปลดแอก รวมมวลชนกว่า 100 คน มาประท้วงเรียกร้องให้ปล่อยตัว 2 ผู้ร่วมกิจกรรม เขียนป้ายผ้ายาว 112 เมตร ที่จัดโดยกลุ่มการ์ดปลดแอกต่างๆ บริเวณเกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนถูกจับกุมส่งตัวไปยังกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 จ.ปทุมธานี นั้น ซึ่งต่อมา ได้เกิดเสียงคล้ายระเบิดบริเวณที่ชุมนุมม็อบปลดแอก ย่านสามย่าน บริเวณหน้าปากซอยจุฬา 42 ถนนพญาไท ผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างหนีตายกันกระเจิง ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ในขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มจะก่อความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนและได้รับอันตรายได้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมาทางด้าน รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มคณะราษฎร และกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงเหตุการณ์ดังกล่าว บอกว่า ม็อบที่ก่อเหตุสร้างความรุนแรงนั้น ไม่ใช่กลุ่มของพวกเขา โดยบอกว่า
ในฐานะโฆษกอย่างเป็นทางการของกลุ่ม “ราษฎร” ขอชี้แจงให้ประชาชนทุกท่านทราบว่าการประกาศรวมตัวที่สามย่านที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากกลุ่ม ราษฎร หรือแกนนำคนใด จึงเรียนมาเพื่อขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังข้อมูลข่าวสาร และติดตามการประกาศและการเคลื่อนไหวของเราได้ทางเพจของแกนนำ และเพจ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม – United Front of Thammasat and Demonstration จนกว่าจะมีการประกาศเพจของราษฎรอย่างเป็นทางการเท่านั้นค่ะ และอย่างไรก็ตาม การชุมนุมการทางเมืองโดยสงบเป็นสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้ และขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดใช้ความรุนแรงกับประชาชนโดยทันที
ต่อมาเพจ คณะราษฎร ได้โพสต์ข้อความตอบโต้ รุ้ง ปนัสยา โฆษกม็อบราษฎรว่า อันราษฎรนั้น มีทั้งราษฎรแท้และราษฎรเก๊ ม็อบราษฎรหาได้มีทุกคนเป็นแกนนำอย่างที่เขาหลอกลวงไม่ -รุ้ง ปนัสสยาไม่ได้กล่าวไว้- หลังจากนั้นได้มีผู้เข้ามาคอมเม้นท์ถกเถียงกันเป็นจำนวนมาก โดยมีคนเข้ามาบอกว่า แกนนำไม่ได้เท แต่ม็อบเล็กควรจะเข้ามาปรึกษาก่อน จากนั้นก็มีผู้เข้ามาถามว่า ทุกคนคือ แกนนำมิใช่หรือ
ล่าสุดทางด้าน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุข้อความว่า