“หมอศิริราช” เผยอาการล่าสุดผู้ว่าฯสมุทรสาคร ระบบหายใจน่าห่วงหนัก เปิดกราฟเทียบการติดเชื้อ 2 รอบ ครั้งนี้เสียชีวิตน้อยกว่าระลอกแรก

3341

หลังจากเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ได้เปิดถึงอาการของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ว่ามีเหตุการณ์ไม่คาดหมายเกิดขึ้นที่จากเดิมที่เตรียมเอาท่อช่วยหายใจออกแล้ว

แต่ผู้ว่าฯ มีไข้ขึ้น ตรวจหาสาเหตุพบว่าเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจ แต่ไม่เกี่ยวกับ COVID-19 ตรงนี้มีโอกาสเกิดขึ้นเพราะอายุมากการติดเชื้อลักษณะนี้อยู่แล้ว จึงให้ยาปฏิชีวนะและยังต้องให้เครื่องช่วยหายใจต่อ แต่ยังคงเป็นลักษณะที่ให้คนไข้เป็นผู้กระตุ้นการหายใจนั้น


ล่าสุดรศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการติดตามสถานการณ์โควิดในหลายพื้นที่ รวมถึงอาการของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีเนื้อหาดังนี้…

“วันนี้ได้เข้าไปเยี่ยมท่านผู้ว่าถึงในห้องพักเป็นครั้งที่สาม ขณะนี้ภาวะปอดอักเสบติดเชื้อดีขึ้นมากแล้ว การทำงานของอวัยวะสำคัญต่าง ๆ เป็นไปด้วยดี เหลือแต่ระบบการหายใจที่ยังต้องค่อย ๆ คลี่คลายไปตามความเหมาะสม ในระหว่างที่บอกเล่าเรื่องราวมากมายให้รับฟังฝ่ายเดียว เจ้าตัวคงเบื่อหรือเปล่าไม่ทราบได้ จึงส่งสัญญาณขอใช้การเขียนเพื่อสื่อสารแทนการพยักหน้า หรือส่ายหน้าแต่อย่างเดียว

เมื่อนำกระดาษและปากกามาให้ ความพยายามเขียนให้ผู้อื่นอ่านได้ง่ายเป็นไปโดยลำบาก เพราะยังมีสายระโยงระยางที่เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลรักษาทางการแพทย์ จึงต้องใช้การเดาข้อความและอ่านออกเสียงจนเจ้าตัวพอใจ ก่อนจากมาได้ย้ำอีกครั้งให้พักผ่อนให้มากสำหรับฟื้นฟูกำลังกาย เพื่อที่จะได้กลับมาหายใจด้วยตัวเองให้ได้เองทั้งหมดในเร็ววัน

หากพิจารณาจากกราฟในรูปที่จัดทำโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ ม.เชียงใหม่ เมื่อเปรียบเทียบจำนวนผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้นรายวัน ในช่วง 30 วันเปรียบเทียบระหว่างการระบาดระลอกแรกและครั้งนี้ จะเห็นว่าเส้นกราฟแยกกันเห็นได้ชัดราววันที่ 10 ของการระบาด ทั้งนี้เป็นเพราะมีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ในบางพื้นที่ เช่น สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และที่แม่สอด ตอนนี้อัตราการเพิ่มขึ้นเริ่มช้าลงในทุกที่

ยกเว้นในส่วนของแม่สอดที่ยังต้องรอลุ้นกลุ่มคนไทยตกค้างในต่างแดน ถ้าสามารถควบคุมกันได้ดีแบบนี้ต่อไปจนถึงสิ้นเดือน เทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงคงลดความตึงเครียดกันได้มากเพราะมาตรการเข้มข้นต่าง ๆ น่าจะลดหย่อนไปได้มากเมื่อถึงเวลานั้น

แต่นั่นหมายถึงว่าทุกภาคส่วนต้องช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้คนส่วนน้อย ที่มักง่าย และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว มาทำลายสันติสุขของคนหมู่มากเช่นในหลาย ๆ ครั้งที่แล้วมา ในด้านการสูญเสียชีวิตของผู้ป่วยดูจะเป็นสัดส่วนน้อยกว่าระลอกแรก น่าจะเป็นจากการที่ตรวจพบและให้การรักษาที่รวดเร็วกว่าแต่ก่อน รวมถึงมีการจัดเตรียมทรัพยากรสุขภาพไว้เพียงพอ ยกเว้นในบางพื้นที่ที่มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ ทางออกจึงเป็นการหนุนช่วยจากนอกพื้นที่และการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วยปริมาณมาก

 

ความวัว (โควิด) ยังไม่ทันหาย ความควาย (PM2.5) ก็เข้ามาแทรก หลายพื้นที่ในกรุงเทพและปริมณฑลมีปริมาณฝุ่นขึ้นสูงทั้งที่ช่วงนี้มีการใช้รถใช้ถนนลดลง นอกจากปัจจัยเรื่องสภาวะอุณหภูมิผกผันในช่วงหน้าหนาวที่ทำให้ฝุ่นละอองฟุ้งกระจายออกไปได้ยากแล้ว ทิศทางลมได้นำพาฝุ่นที่เกิดจากการเผาพื้นที่การเกษตรรอบนอกเข้ามาเสริมด้วย ส่วนการที่ปริมาณฝุ่นขึ้นสูงในช่วงกลางคืนถึงเช้า เป็นเพราะก๊าซจากกิจกรรมหลายอย่างของมนุษย์ในตอนกลางวัน ได้ลอยตัวขึ้นไปทำปฏิกิริยาเป็นฝุ่นทุติยภูมิในชั้นบรรยากาศแล้วจึงตกลงสู่พื้นอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงนี้กลุ่มคนเปราะบางต่อฝุ่นจึงต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง ส่วนอานิสงส์การใส่หน้ากากนอกจากจะกันโควิดได้แล้วยังช่วยลดความรุนแรงจากอันตรายของฝุ่นไปในตัวด้วย

#ไทยไฟท์โควิด #saveประเทศไทยจากภัยโควิดระลอกสอง”