เมื่อวานนี้ (11 มกราคม 2564) สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระประชวร
เนื่องจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงประสบอุบัติเหตุ ทรงล้มระหว่างทรงพระดำเนินออกกำลังพระวรกายตามปกติ ในเวลาเช้า เมื่อวันจันทร์ ที่ 11 มกราคม พุทธศักราช 2564 ทรงได้รับบาดเจ็บที่ข้อพระบาททั้งข้างซ้ายและข้างขวา เป็นเหตุให้ทรงพระดำเนินไม่สะดวก คณะแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าได้ถวายการรักษา และถวายความเห็นว่า ควรจะทรงงดพระราชกรณียกิจต่าง ๆ เป็นเวลาประมาณ 2 เดือน
หากย้อนไปเมื่อ 21 มกราคม 2558 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงลื่นล้มในห้องน้ำ ที่บ้านสันผีเสื้อ โดยผลการเอกซเรย์ เห็นว่ากระดูกสะโพกมีปัญหา และในเช้าวันที่ 22 มกราคม 58 พระองค์เสด็จไป รพ.สวนดอก เป็นการส่วนพระองค์ เสร็จแล้วให้รถโรงพยาบาลมาส่งเรือนรับรองที่ข้างหอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่โดยไม่ให้ใครรู้ คณะแพทย์จะถวายการรักษา แต่พระองค์ยืนยันจะพระราชทานปริญญาบัตรแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้เสร็จก่อน และไม่ทรงให้บัณฑิตหลายพันคนต้องรอ
และเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2560 เวลา 09.07 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงานนำเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ ณ โรงเรียนมหิดลวิยานุสรณ์ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ทรงเปิดงานการประชุมวิชาการ “Thailand International Science Fair 2017” เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยพบว่า บริเวณหลังพระหัตถ์มีการติดเข็มต่อสายน้ำเกลืออยู่ ภาพดังกล่าวสร้างความปลาบปลื้มปีติใจแก่พสกนิกรเป็นล้นพ้น ที่ทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรตลอดเวลา แม้กระทั่งในระหว่างที่ทรงเข้ารับถวายการรักษาพระอาการประชวร
นอกจากนี้ยังมีอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ เรื่อง “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จ ฯ ไปประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย” ความว่า คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รายงานว่าสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระอาการเจ็บพระนาภี (ท้อง) และมีพระปรอท (ไข้) คณะแพทย์จึงได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนิน ไปประทับ ณโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคมพุทธศักราช 2562 ผลการตรวจพบว่ามีการอักเสบติดเชื้อของกระเปาะของพระอันตะ(ลำไส้ใหญ่) คณะแพทย์จึงกราบบังคมทูลขอพระราชทานประทับ ณโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อถวายการรักษาด้วยพระโอสถปฏิชีวนะ และขอพระราชทานให้ทรงงดพระราชกรณียกิจ สักระยะหนึ่ง
แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะเหล่าบัณฑิตจากสถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย ที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรใน วันที่ 22-23 ตุลาคม 2562 แม้พระองค์จะต้องรับถวายการรักษา พักฟื้นพระวรกาย และต้องทรงงดพระราชกรณียกิจแต่ด้วยพระราชกิจที่มีหมายกำหนดมาแล้ว ทรงมีพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้ ต่อบัณฑิตจากสถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย และสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันที่ 22-23 ต.ค.นี้ จึงมิได้มีการเลื่อนหมายกำหนดการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรออกไปแต่อย่างใด มีเพียงการเปลี่ยนแปลงสถานที่ ในการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเท่านั้น
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 จะเห็นได้ว่า พระหัตถ์ซ้ายของพระองค์ท่านทรงมี Heparin Lock อยู่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการถวายการรักษาด้วยพระโอสถหรือสารน้ำทางเส้นพระโลหิตดำ จึงสร้างความปลื้มปีติให้แก่เหล่าบัณฑิตเป็นอย่างมาก
แสดงให้เห็นถึงพระเมตตาของพระองค์ที่แม้พระองค์จะประชวรแต่ด้วยทรงรักและห่วงใยประชาชน ยังคงเสด็จปฏิบัติพระราชกรณียกิจเช่นเดิม ทรงเปรียบเสมือนดั่งเช่น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงเป็นพระราชบิดาของพระองค์ที่แม้จะประชวรอยู่แต่ก็ยังทรงห่วงใยประชาชน ทรงงานหนักมาตลอด 70 ปี เมื่อครั้ง ในหลวงร.9 ทรงประชวรอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราช
ครั้งนั้น นายแพทย์ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่อง พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยืนยันว่า ทรงงานหนักอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่ขณะทรงมีพระอาการประชวรจริงๆ ครั้งที่ประเทศไทย ประสบกับปัญหาน้ำท่วมหนัก ในปี 2554 ครั้งนั้นพระองค์ก็ทรงมีพระอาการประชวรหนัก แต่พระองค์ท่านก็ยังให้เจ้าหน้าที่กราบบังคมทูล รายงานเรื่องน้ำอยู่เสมอ เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรระดับน้ำด้วยพระองค์เอง และมีห้องทรงงานอยู่จริง