สหรัฐประกาศส่งทูตUN เยือนไต้หวัน?!?เสี้ยมแยกตัวอิสระ ตอบโต้ฮ่องกงจับทนายอเมริกันฐานบ่อนทำลาย จีนคำรามจะต้องชดใช้สาสม

2130

ทรัมป์ไม่ต้องสั่ง นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐเดินหน้ายั่วจีนขั้นสุด แม้จะหมดวาระในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้า ประกาศจะส่งผู้แทนสหรัฐในสหประชาชาติเยือนไต้หวัน เสี้ยมให้แยกตัวเป็นอิสระแบบโจ่งแจ้ง  จีนประณามสหรัฐต้องชดใช้อย่างสาสม ทำให้น่านน้ำทะเลจีนใต้ระอุไม่เลิก เป็นการยืนยันจุดยืนสหรัฐต่อการต่างประเทศ ไม่ลดระดับขัดแย้งจีนแม้เปลี่ยนตัวประธานาธิบดีเป็นโจ ไบเดน สหรัฐได้ประโยชน์ได้สร้างปัจจัยจุดไฟสงครามตัวแทน และประทับตราบริวารที่พร้อมรบจีน ในพื้นที่อ่อนไหวทะเลจีนใต้ ซ้ำได้ขายอาวุธกระเป๋าตุง 

เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2564 นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐแถลงว่า สหรัฐจะคว่ำบาตรผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับกุมนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านกว่า 50 คนในฮ่องกง และจะส่งเอกอัครทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ (UN) เดินทางไปเยือนไต้หวัน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหว เพื่อยกระดับไต้หวันให้มีสถานภาพเท่าเทียมจีนแผ่นดินใหญ่ ท้าทายจุดเปราะทางการทูตเพื่อ ทำลายนโยบาย 1 ประเทศ 2 ระบบของจีนอย่างแข็งกร้าว

จีนออกเเถลงการณ์ตอบโต้เกี่ยวกับเรื่องนี้จากสำนักงานการทูตจีนที่สหประชาชาติ ว่า “จีนขอให้สหรัฐฯหยุดการยั่วยุที่ไร้สติ และหยุดสร้างปัญหาที่ยุ่งยากใหม่ๆต่อความสัมพันธ์จีนและสหรัฐฯ”

นายปอมเปโอกล่าวว่า เขารู้สึกไม่พอใจกับการจับกุมพลเมืองชาวอเมริกันในการกวาดล้างของฮ่องกงเมื่อวันพุธ (6 ม.ค.2564)ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า “สหรัฐจะไม่ยอมให้มีการกักขังหรือคุกคามพลเมืองสหรัฐโดยพลการ”

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2564 สำนักข่าวเซาท์ไชนามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า นายจอห์น คลานซีย์ ทนายความชาวอเมริกันที่ทำงานตลอดจนอาศัยในฮ่องกงและมีบทบาทสนับสนุนการประท้วง ถูกจับกุมในครั้งนี้ด้วย ด้วยข้อหาบ่อนทำลายฮ่องกงและแผ่นดินใหญ่ ตำรวจทำการบุกค้นสำนักงานกฎหมาย Ho Tse Wai & Partners ที่คลานซีย์เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนและเป็นเหรัญญิกให้กับกลุ่มการเมืองที่ชื่อ “พลังเพื่อประชาธิปไตย” ในช่วงที่มีการหาเสียงเลือกตั้งรอบแรกในปี 2563 เรื่องนี้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ หัว ชุนหญิงแถลงโต้ ว่า “มีความจำเป็นต้องดำเนินการ เพื่อหยุดยั้งการสมคบคิด ระหว่างชาวฮ่องกงบางกลุ่ม กับบุคคลและกองกำลังจากภายนอก ในการบ่อนทำลายเสถียรภาพของแผ่นดินใหญ่”

จีนกวาดบ้านล้างบางกลุ่มชังชาติ? วันเดียวกับที่สหรัฐก่อกบฎบุกรัฐสภา

เมื่อวันพุธ (6 ม.ค.)ที่ผ่านมา ตำรวจฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของฮ่องกงได้เข้าจับกุมนักเคลื่อนไหวเพื่อแยกฮ่องกงเป็นอิสระจากจีนแผ่นดินใหญ่ และสมาชิกพรรคฝ่ายค้านในฮ่องกงกว่า 50 ราย ซึ่งเป็นการจัดระเบียบสังคมครั้งใหญ่ที่สุด ภายใต้กฎหมายความมั่นคงที่บัญญัติโดยจีน กลุ่มผู้คัดค้านมองว่ามีเป้าหมายเพื่อกำจัดผู้มีความเห็นต่างในฮ่องกง แต่คนที่ถูกจับทำผิดกฏหมายพื้นฐาน ก่ออาชญากรรม และกระทำการความรุนแรงทำร้ายทำลาย บุคคลที่ไม่เหํนด้วย อีกทั้งมีพฤติกรรมทำลายบ้านเกิดเมืองนอน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทำลายสถานที่ทั้งของราชการและเอกชน ซึ่งมันไม่ใช่แค่ความเห็นต่างทางการเมือง อย่างที่ตะวันตกพยายามโฆษณาชวนเชื่อ เนื้อแท้แล้วเข้าข่ายก่อการร้ายหรือกบฎแบบที่ สหรัฐใช้ตั้งข้อหา ทรัมป์และกลุ่มผู้สนับสนุนเมื่อบุกรัฐสภาในวันเดียวกันเลยด้วย

 

การกระทำของนายปอมเปโอ ช่างเอาการเอางานในการยุยงให้เกิดความร้าวฉานอย่างชัดเจน ในขณะที่เกิดสูญญากาศในการนำของสหรัฐ ปธน.ทรัมป์คนเก่า กำลังถูกเร่งถอดถอนจากสภาคองเกรส และปธน.คนใหม่ โจ ไบเดนจะเข้ารับตำแหน่งในพิธีสาบานตนอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.นี้  นายปอมเปโอกลับยิ่งกร่างโดยไม่ต้องรักษามารยาททางการทูตแต่อย่างใด

ปรากฏการณ์เช่นนี้บอกเราว่า สหรัฐยังยืนยันจุดยืนต้านจีนอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานาธิบดี ทำให้น่านน้ำทะเลจีนใต้ กลายเป็นจุดเปราะบางของสงครามตัวแทน ที่สหรัฐได้รับประโยชน์ทั้งได้กดดันจีน ทำลายความเป็นเอกภาพและขายอาวุธ