จากกรณีเหตุการณ์ช็อกโลกบน ดินแดนแม่แบบแห่งประชาธิปไตย เมื่อฝูงชนฝ่าแนวป้องกันบุกป่วนรัฐสภากลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อขัดขวางการลงมติรับรองผลเลือกตั้งของ “โจ ไบเดน”ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46
จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 4 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งถูกจับหลายร้อยคนนั้น โดยในเวลาต่อมานักการเมืองส่วนใหญ่ เรียกร้องใช้รัฐธรรมนูญ ม.25 ให้ “โดนัลด์ ทรัมป์” หยุดการปฏิบัติหน้าที่ฐานสติไม่สมประกอบ
ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดี เวลา 4:00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) ทางสภาคองเครสก็ได้ประกาศรับรองให้โจ ไบเดน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ และจะได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ของประเทศ ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ก็ออกมาประกาศยอมแพ้ และพร้อมส่งต่อตำแหน่งให้เป็นที่เรียบร้อย
ทั้งนี้หลังจากสภาคองเกรสประกาศรับรอง โจ ไบเดนไม่นาน นายแดน สกาวิโน ผู้ช่วยหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายสื่อสารของทรัมป์อ่านแถลงการณ์ประธานาธิบดี ระบุ “การเปลี่ยนผ่านในวันที่ 20 ม.ค.จะเป็นไปอย่างมีระเบียบ” นั่นหมายความว่าทรัมป์รู้ตัวว่าอย่างไรก็แพ้แน่นอนจึงยอมจำนน
ล่าสุดวันนี้ (8ม.ค.) ได้มีการรายงานสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก และแน่นอนว่าสหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นอันดับ 1 ของโลก ที่ติดเชื้อมากที่สุด แต่กลายเป็นว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อครั้งนี้ กลับเพิ่มมากขึ้นและทุบทุกสถิติที่เคยเกิดขึ้นในสหรัฐฯ ตัวเลขเดิมที่เคยทำทั่วโลกช็อก คือ ติดเชื้อ 2 แสนรายต่อวัน
แต่จากตัวเลขอัพเดทล่าสุดขณะนี้ พบว่าสหรัฐมียอดติดเชื้อเพิ่มสูงถึง 274,190 ราย รวมสะสม 22,132,045 ราย และเสียชีวิต 374, 124 ราย
เมื่อย้อนดูตัวเลขผู้ติดเชื้อย้อนไปก่อนหน้านั้น
วันที่ (7 ม.ค.) ติดเชื้อ 260,973 ราย
วันที่ (6 ม.ค.) ติดเชื้อ 225,558 ราย
วันที่ (5 ม.ค.) ติดเชื้อ 190,165 ราย
ทั้งนี้ส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มาจากการประท้วงที่รัฐสภากลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ด้วย เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย และไม่เว้นระยะห่าง โดยบรรยากาศมีความชุลมุน ผู้คนต่างเบียดเสียดเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะพบผู้ติดเชื้อในจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกันกับการชุมนุมในประเทศไทย ของกลุ่มคณะราษฎร เยาวชนปลดแอก และกลุ่มแนวรวมธรรมศาสตร์และการชุมนุมที่ได้ประกาศว่า หลังผ่านปีใหม่ 2564 แล้ว จะนัดรวมตัวอีกครั้ง อย่างกลุ่มของวีโว่ก็เริ่มออกมาป่วนโยงการเมืองด้วยการขายกุ้ง บทเรียนนี้มีสหรัฐฯเป็นตัวอย่างแล้ว ก็อยู่ที่ว่าพวกแกนนำและผู้ชุมนุมจะมีความคิดไตร่ตรองได้มากน้อยแค่ไหน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทุกอย่างกำลังแย่เพราะโควิด-19 ทั้งรัฐบาลและประชาชนทั่วไป ต่างก็ร่วมมือกันช่วยแก้ไขปัญหา อยู่บ้านกักตัว หยุดเชื้อเพื่อชาติ งดการเดินทาง ซึ่งครั้งนี้การระบาดของโควิด-19 ถือว่าโหดมาก ถ้าประเทศจะต้องทรุดหนัก มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมามากกว่านี้จากการชุมนุม พวกม็อบก็ต้องพิจารณากันแล้วว่า เป็นตัวการบ่อนทำลายชาติของจริง
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ภายหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกคดี ม.112 ม.116 และความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุม ที่สน.พหลโยธิน นายอานนท์ นำภา ทนายความ ได้เปิดเผยแนวทางการชุมนุมหลังปีใหม่ ระบุว่า จะเข้มข้นขึ้น เพราะมีแนวทางชัดเจนว่าจะไปทางไหน ทั้งนี้ การชุมนุมหลังปีใหม่ จะมีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ แม้จะมีโรคโควิด-19 แพร่ระบาดอยู่ก็ตาม