จากกรณีที่สถานการณ์โควิด 19 มีแนวโน้มอาจจะควบคุมการติดเชื้อได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บางจังหวัดนั้น มีการประกาศปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงไปเรียบร้อยแล้ว
โดย เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2564 กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีประกาศเรื่อง ให้สถานศึกษาในสังกัด และในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ ปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยจังหวัดที่มีผลจากคำสั่งนี้ มีทั้งหมด 28 จังหวัด และระหว่างที่สถานศึกษาปิดเรียน ให้ส่วนราชการต้นสังกัด กำหนดแนวทางการเรียนการสอนตามแนวทางกระทรวงศึกษาธิการระบุไว้ เช่น การสื่อสารด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ ถ้าหากไม่สามารถทำได้ ก็จัดการเรียนการสอนโดยใบสั่งงาน หรือมอบตามความเหมาะสม ไม่ต้องเข้าชั้นเรียน
ล่าสุด หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ “คุณปลื้ม” พิธีกร และผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ Nattakorn Devakula วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ว่า “ถ้าคิดถึงเด็กในวันเด็กจริงก็เปิดโรงเรียนให้เขาไปเรียนหนังสือ ไม่ใช่ทอดทิ้งให้เรียนออนไลน์เช่นนี้…เเย่หว่ะ!”
หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เสนอด้วยว่า “เรียนท่านรมว.ศธ.ณัฏฐพลเเละท่านนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ครับ ผมว่าน่าเสนอวิธีการให้โรงเรียนเอกชนที่พร้อมจัดเรียนเเบบเรียนได้ที่โรงเรียนโดยให้สิทธิโรงเรียนเอกชนทำ Covid Free School คือให้ผู้ปกครองเเละบุตรตรวจโควิดเเล้วเอาใบตรวจยืนยันความไม่มีเชื้อเเละพกไปโรงเรียน”
“ทำได้ครับ ดีกว่า Online ยาวเเบบนี้จนความรู้เด็กจะถดถอยหมดเลยรวมทั้งสุขภาพจิตเเละสุขภาพร่างกายด้วย หวังว่าจะรับฟัง…ถ้าทำเเล้วเวิร์คค่อยตามด้วยโรงเรียนรัฐได้ เราให้ลูกหลานเด็กไทยได้ดีกว่าที่เรียนจากที่บ้านนั่งหน้าจออย่างเฉื่อยชาเเบบนี้…”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 คุณปลื้ม ได้เคยแสดงความเห็นลักษณะนี้ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิดรอบแรก โดยระบุว่า
“ตอนนี้มีเเผนที่ให้เตรียมการสั่งบังคับให้เรียนจากที่บ้าน (e-learning) ทุกบ้านทั่วประเทศซึ่งก็คือไม่ได้ไปโรงเรียน เขาอ้างว่านี่คือการเปิดเทอม เเต่มันเป็นการเปิดเทอมที่เด็กโดนขังไว้ในบ้าน ไม่ได้พบปะกับเพื่อน ไม่ได้วิ่งเล่น ไม่ได้ไปออกกำลังกายที่ไหนเเละไม่ได้เรียนจริง
สายเหยี่ยวที่คุมรัฐบาลเขาเล็งยืดการบังคับเด็กอยู่บ้านโดยปิดยาวไปถึงสิ้นปีนี้ คุณคิดว่าเหตุใดผมถึงต้องออกมากระทุ้งมันทุกวันเเบบนี้ เราพูดถึงการปิดโรงเรียนถึงสิ้นปีซึ่งถ้ารัฐบาลทำตามนี้จริงคือเลว นอกเหนือไปจากนั้นเขาสั่งปิดสถานศึกษาเรียนพิเศษทุกประเภททั้งเด็กเเละผู้ใหญ่หมดเลยไปเเล้วซึ่งพวกนี้โดนหมดเเล้วถึง 1 ก.ค. หลายรายใกล้เจ๊งเเล้วด้วยเเละอาจจะมีคำสั่งปิดต่อหลัง 1 ก.ค.
ที่พวกผมเรียกร้องคืออย่าขังเด็กไว้ในบ้านนานขนาดนี้ เรียนพิเศษเปิดได้เเล้ว เเละมหาวิทยาลัยก็ต้องเปิดได้เเล้ว เเละร.ร.ปกติถ้าจะเปิด 1 ก.ค.ก็ต้องเปิดจริงคือต้องได้ไปโรงเรียนจริง ไม่ช้าไปกว่านั้น เลิกอ้างไวรัสที่ไม่ระบาดเเล้วเถอะครับเเละโดยเฉพาะอย่างยิ่งไวรัสที่ไม่ระบาดในเด็ก เด็กไม่มีติดเเล้วเอาไปเเพร่เชื้อ เเทบไม่มีเลย เด็กทั่วโลกเขายังได้ไปกัน
ทำไมเด็กไทยถูกรังเเกอย่างนี้ ใครสั่งมา? การบังคับ e-learning ทั้งที่ไม่จำเป็นคือสิ่งที่เเย่มากคือเป็นการบังคับให้ผู้ปกครองนั่งประกบเด็กหน้าคอมวันละ 4 – 5 ชั่ว คุยกับครูผ่านคอมพิวเตอร์หรือไม่ก็นั่งดูทีวีเป็นชั่วโมงๆ สุขภาพร่างกายเเละสายตาจะเสีย เเค่นานขนาดนี้ที่ออกไปไหนเเทบไม่ได้ก็เสียเเล้วสำหรับเด็กในวัยเจริญพันธุ์ จะออกไปเรียนดนตรีหรือกีฬาหรือติววิชาต่างต่างก็ไปไม่ได้ ปิดหมด ไร้เหตุผล ไร้ตรรกะ ไร้สติเเละไร้วุฒิภาวะในการตัดสินใจเเละสั่งการ.”
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2563 จากรายการ “Wake Up Thailand” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ที่ดำเนินรายการโดย ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล นายชูวัส ฤกษ์ศรีสุข และ นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ซึ่งมีการพูดในรายการถึงกรณีที่มีการปิดการเรียนการสอนตามสถาบันต่างๆ และมีการปิดศูนย์เด็กเล็ก
โดยช่วงหนึ่งหม่อมหลวง ณัฏฐกรณ์ ได้มีอาการฉุนเฉียวเป็นอย่างยิ่งต่อท่าทีของรัฐบาลในการปิดการเรียน โดยขยำสคริปต์แล้วเขวี้ยงใส่กล้อง