อ.อานนท์ ชี้ พระทายาทในราชสกุลรังสิต ควรฟ้องร้องดำเนินคดีกับ ณัฐพล ใจจริง ปมทำวิทยานิพนธ์ล้มเจ้า ใส่ร้าย กรมพระยาชัยนาทนเรนทร
จากกรณีที่นายณัฐพล ใจจริง ได้มีการเขียนวิทยานิพนธ์เรื่อง การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา [พ.ศ.2491-2500] ต่อมาทางด้าน ศาสตราจารย์ ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหนึ่งในคณะกรรมการวิทยานิพนธ์ ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพบว่าข้อมูลในวิทยานิพนธ์ฉบับดังกล่าว เป็นการกล่าวอ้างขึ้นมาเอง ไม่มีแหล่งอ้างอิง
นายณัฐพล ใจจริง ได้ทำหนังสือชี้แจงยอมรับข้อผิดพลาดและอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ เสนอขอแก้ใหม่ตัดประเด็นการเป็นประธานการประชุมออกไป แต่ผิดอย่างไรก็ไม่กระทบใจความหลักของทั้งเล่มแต่อย่างใด ทางคณะรัฐศาสตร์ได้หารือกันว่า ให้งดเผยแพร่และอ้างอิง ถ้าจะเผยแพร่ตีพิมพ์จะต้องขออนุญาตบัณฑิตวิทยาลัยก่อน ต่อมาทาง นิตรสารฟ้าเดียวกัน ก็ได้นำข้อมูลดังกล่าวตีพิมพ์ขายด้วย ซึ่งศาสตราจารย์ ธงชัย วินิจจะกูล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชาวไทย ได้ออกมากล่าวถึงกรณีดังกล่าวหาว่า สถาบันการศึกษาเซ็นเซอร์วิทยานิพนธ์ “ที่ดีเยี่ยม” ด้วยข้อหาผิดพลาดทั้งที่เข้าใจผิดตีความเกินเลยไปเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไร
ซึ่งต่อมา สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว ว่าหนังสือ นั้นได้ปรับปรุง แก้ไขข้อบกพร้องของวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา 2491-2500 เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งติงกลับว่า ไชยันต์นั้นมโน จากนั้น ได้มีการตรวจสอบวิทยานิพนธ์กับหนังสือเล่มดังกล่าว พบว่า ในหนังสือและวิทยานิพนธ์ มีเนื้อหาเดียวกันแต่คนละสำนวน คนละข้อความ แต่หากปรากฏข้อความ สำนวน ในหนังสือ(ที่อ้างว่าแก้ไขแล้ว) แบบที่ยกออกมาจากตัวเล่มวิทยานิพนธ์ที่ถูกระงับเผยแพร่
ซึ่งในเนื้อหาได้มีการพูดถึง ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งในขณะนั้นคือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยจงใจให้กรมพระยาชัยนาทนเรนทรฯ สวมบทเป็นผู้ร้าย หรือเขาจงใจให้ร้ายในหลวงร.9 ว่าทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย โดยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสั่งการให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เข้าแทรกแซงการเมือง ตามกลยุทธ์ล้มเจ้า เพื่อหาเหตุล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ล่าสุดทางด้าน ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า (NIDA) ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุข้อความว่า