กลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโลกโซเชียลฯ กรณีเมื่อ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า Kath Khangpiboon @kathnong ซึ่งเป็นของ นายคทาวุธ ครั้งพิบูลย์ หรือ ครูเคท ผู้มีความหลากหลายทางเพศ อีกทั้งยังพบว่าเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ได้ทวีตข้อความเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ระบุว่า “ปีนี้ล้มเหลว ปีหน้าล้มเจ้าค่ะ”
ทั้งนี้ สำหรับ นายคทาวุธ ครั้งพิบูลย์ หรือ ครูเคท นั้น เมื่อครั้งที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการ จัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ โดยเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่อาคารแวร์เฮาส์ เจริญกรุง 30 นายธนาธร และนายปิยบุตร แถลงเปิดตัวพรรค ตั้งชื่อว่า “อนาคตใหม่”
โดยในตอนนั้น รายชื่อผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ นอกจาก นายธนาธร นายปิยบุตร แล้ว ยังมีรายชื่ออื่น ๆ เข้ามาร่วมด้วย อาทิ นายกฤตนัน ดิษฐบรรจง แกนนำกลุ่มเยาวชนอาสา ทำงานกับกลุ่มวัยรุ่นผู้ติดเชื้อเอชไอวี, นายกันต์พงศ์ ทวีสุข ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาต่อต่างประเทศก้อปันกัน, น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ นักวิชาการอิสระด้านการศึกษา, นายไกลก้อง ไวทยการ ผู้ปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาสังคม จากสถาบันเทคโนโลยีเพื่อสังคม (Social Technology Institute)
นายคริส โปตระนันทน์ นักธุรกิจ-นักกฎหมาย, นายเคท ครั้งพิบูลย์ นักปกป้องสิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ, นายชำนาญ จันทร์เรือง อาจารย์พิเศษด้านการเมืองและกฎหมาย ผู้ยกร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการเชียงใหม่มหานคร, น.ส.โชติรส นาคสุทธิ์ นักเขียนเรื่องความสัมพันธ์เชิงอำนาจของมนุษย์ เรื่องเพศและสิทธิเหนือร่างกาย, นายไชยวัฒน์ วรรณโคตร นักศึกษาคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, น.ส.ฑิตฐิตา ซิ้มเจริญ นักเขียน นักแปลอิสระ, นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร นักปรุงเบียร์ นักธุรกิจ มัคคุเทศก์อิสระ
ทั้งนี้ หลังจากประกาศเปิดตัวสมาชิกให้หลายคนรู้จักไปแล้ว และที่หลายคนให้ความสนใจคือ นายคฑาวุธ ครั้งพิบูลย์ ที่ต่อมาเจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊ก Kath Khangpiboon ว่าได้รับจดหมายจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง เรียกรายงานตัวเข้าเป็นพนักงานของมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการที่เคท ครั้งพิบูลย์ ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองกลางหลังจากสอบผ่านการคัดเลือกเป็นอาจารย์ แต่คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีมติไม่ว่าจ้างโดยให้เหตุผลว่า เคทมีพฤติกรรมการแสดงออกด้วยการใช้ถ้อยคำผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะที่ไม่เหมาะสม และอาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
ต่อมา เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2561 ศาลปกครองกลาง อ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ บ. 447/2558 ระบุว่า เป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงพิพากษาเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องที่ไม่ว่าจ้างผู้ฟ้องคดีเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย สายวิชาการ ตำแหน่งอาจารย์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ โดยให้มีผลนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด และมีข้อสังเกตและแนวทางเกี่ยวกับการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาว่า ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เรียกเคทไปทำสัญญาจ้างเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย สายวิชาการ ตำแหน่งอาจารย์ตามที่สอบคัดเลือกได้ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อย้อนกลับไปวันที่ 2 มิถุนายน 2563 นายคทาวุธ ครั้งพิบูลย์ ได้ทวีตข้อความพร้อมภาพระบุถึงข้อเสนอของตนในการใช้คำนำหน้าว่า คำนำหน้านามในรัฐสภา ข้อเสนอของดิฉันได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วในรัฐสภา อย่างน้อยก็เอกสารและในเว็บไซต์เผยแพร่ ของอนุกมธ.เด็กฯ/ เรื่องคำนำหน้าใช้เรียกและเขียนต้องมีการแก้ไขต่อไป การเริ่มจากจุดนี้จะช่วยสร้างความเข้าใจต่อสังคมและสอดรับกับหลักสากล ดิฉันทำเรื่องนี้ตลอด ทุกคนรู้
อย่างไรก็ตามเมื่อข้อความดังกล่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกมา ก็ทำให้มีผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้อย่างมาก ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย อาทิ ใช้คำว่าคุณก็ยังดี ดีกว่าการที่เกิดมาเป็นเพศหนึ่ง แล้วโตขึ้นมาอยากใช้คำนำหน้าอื่นที่ผิดจากเพศกำเนิด เช่นเกิดมาเป็นผู้ชาย เพศสภาพเป็นหญิง อยากใช้คำนำหน้าเป็นนางหรือนางสาว แบบนั้นมันจะนำไปสู่ปัญหาได้
ไม่เห็นด้วยนะที่จะใช้คำนำหน้าไม่ตรงเพศกำเนิด แต่ถ้ามีช่องทางให้ทุกคนสามารถเลือกใช้คำนำหน้าได้ ว่าจะใช้ตามเพศกำเนิดหรือ “คุณ” ก็เป็นทางเลือกที่ดีมากเลย
หน้าจะใช้คำอื่นนะครับ “คุณ” ต้องได้โปรดเกล้าฯ ถึงจะใช้ได้ (คุณ : สตรีที่ไม่ได้สมรสและได้รับพระราชทานเครื่องราชจุลจอมเกล้า ชั้น จ.จ.ขึ้นไป) ปล.แต่ถ้าไม่ซีเรียส ก็พอจะอนุโลมให้ใช้ได้บ้าง ตามอัตวิสัยครับ