เปิดไทม์ไลน์”จตุพร”ค้านปฏิรูปสถาบัน!!!กลยุทธ์ผลักม็อบ3นิ้วผ่านแผนยุบ”นปช.”

4934

จากกรณีที่ นายจตุพร ประกาศว่า ควรจะยุติองค์กร นปช. ต่อมา นายก่อแก้ว ได้ออกมาโต้ พร้อมเหน็บแนมนายจตุพร ถึงการพาดพิงผู้ใหญ่พรรคเพื่อไทย

ล่าสุด เมื่อ 29 ธ.ค. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk ถึงการยุบ นปช.ว่า ไม่ได้หมายถึงการยกเลิกคนเสื้อแดง เพียงแค่มอบสมบัติการต่อสู้ให้คนหนุ่มสาว กลุ่มราษฎรที่มีข้อเรียกร้องที่ก้าวหน้ากว่าการโค่นอำมาตย์ ที่ นปช.มาได้สูงสุดแค่นี้

นายจตุพร กล่าวว่า ตนได้แสดงความเห็นส่วนตัวควรยุติบทบาท นปช. แล้วส่งภารกิจให้คนรุ่นใหม่ และจะเดินสายหารือแกนนำทั้งหลายที่แยกกันอยู่คนละทาง อีกทั้งไม่ได้เดินสายเพื่อยุบ นปช.ไปร่วมกับเผด็จการตามข้อกล่าวหาใส่ร้ายที่ตามมา

ดังนั้น ตนขอให้มิตรสหายฟังก่อน และพร้อมตอบคำถามเป็นรายบุคคล โดยตามที่เข้าใจกันว่า การต่อสู้ของ นปช.ไม่ได้เป็นสมบัติส่วนตัวของใครนั้น และการต่อสู้ที่ผ่านมาไม่มีใครมาตำหนิได้ว่า ใครสู้หรือไม่สู้อย่างไร เพียงแต่ตนอยู่กับโลกความจริงและศึกษาประวัติศาสตร์การต่อสู้ว่า เวลาไหนควรทำอะไร อย่างไร

อีกอย่าง การคิดอ่านส่งบทบาทภารกิจให้คนรุ่นใหม่นั้นไม่ได้คิดกันลอยๆ แต่คิดจากการต่อสู้ของ นปช. ที่มียุทธศาตร์โค่นล้มอำมาตย์ ซึ่งเป็นการต่อสู้อย่างเต็มที่ จนมีบาดเจ็บ ล้มตาย สิ้นสูญอิสรภาพ และมีความเจ็บปวดมากมาย

ดังนั้น ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2550 ที่ได้ซึมซับบทเรียนกันตามลำดับ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ การปรากฎตัวของคนหนุ่มสาวนั้น มีข้อเรียกร้องยกระดับสูงกว่าข้อเรียกร้องของ นปช.อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ที่สำคัญคือ การเรียกร้องของคนหนุ่มสาวทะลุเพดานกว่าข้อเรียกร้องของ นปช. รวมทั้ง แกนนำ นปช.ทั้งสองซีกจะได้คิดอ่านกันอย่างไร ตลอดจนพี่น้องที่อยู่ในเรือนจำ ได้พูดคุยกันมาบ้างแล้ว เห็นควรให้ยืนอยู่ที่ข้อเรียกร้องของ นปช.เหมือนเดิม

นปช.ชุมนุมใหญ่30พ.ย.พิพากษา"สุเทพ" - โพสต์ทูเดย์ ข่าวการเมือง

นายจตุพร กล่าวอีกว่า แต่ต้องยอมรับกันว่า ข้อเรียกร้อง นปช.ล้าหลังกว่ากลุ่มราษฎรที่ก้าวหน้ามากกว่า และมวลชนได้ไปกับราษฏรเต็มที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อการต่อสู้นี้ไม่ได้เป็นสมบัติส่วนตัวของใคร ตนจึงเสนอเป็นความเห็นส่วนตัวว่า ควรยุติบทบาท เพื่อส่งมอบภารกิจให้คนหนุ่มสาวซึ่งยกย่องการต่อสู้ของคนเสื้อแดงเป็นแบบอย่างอยู่แล้ว

“เมื่อมีคนรุ่นใหม่ยกย่องคุณูปการของคนเสื้อแดงแล้ว ผมคิดด้วยเจตนาบริสุทธิ์ว่า ให้คนหนุ่มสาวสานงานต่อ ในบรรดาแกนนำเสื้อแดงนั้น พูดได้อย่างมากแค่สนับสนุนการต่อสู้ ซึ่งถือเป็นคำมักง่าย เพราะคนที่อยู่ในสนามต่อสู้ฟังแล้วเจ็บปวด เพราะถ้าสนับสนุนต้องไปร่วมเป็นร่วมตายกับเขา”

นอกจากนี้ ตนได้ตรวจสอบแกนนำทุกคนที่อยู่กันสองซีก ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับแกนนำต่างจังหวัด เมื่อคนหนุ่มสาวยกย่องคนเสื้อแดง ตนเองเห็นว่า เมื่อมวลชนเสื้อแดงก้าวหน้ากว่าบรรดาแกนนำ ตนจึงคิดอย่างบริสุทธิ์ว่า ทำไมไม่ส่งมอบภารกิจให้คนหนุ่มสาวต่อสู้สานต่อภารกิจ

อีกอย่าง ในบรรดาแกนนำทั้ง 2 ซีกนั้นไม่มีคนใดจะไปยืนหยัดต่อสู้ตามข้อเรียกร้องข้อที่ 3 ของกลุ่มราษฎร คนหนุ่มสาวเลย เมื่อเราเดินมาได้สูงแค่การต่อสู้ของไพร่กับอำมาตย์ แต่คนหนุ่มสาววันนี้เดินทะลุเพดานไปแล้ว แน่นอนข้อเรียกร้องของ นปช.จึงล้าสมัย ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์

Bloggang.com : sunmachon - ร่วมเป็นจิตอาสา เฝ้ารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ-Jatuporn Prompan

ส่วนหลายคนพยายามเสนอว่า ทำไมไม่ตั้งเวทีคู่ขนาน ซึ่งตนเห็นว่า เราไปแย่งชิงแข่งขันกันด้วยเรื่องอะไร และทำไมไม่ยกผลพวงการต่อสู้ทั้งหมดที่แลกด้วยชีวิต อิสรภาพส่งมอบให้คนหนุ่มสาวแทน อย่างน้อยเรายังช่วยประคับประคอง และสามารถไปยืนหยัดเคียงข้างได้

“เราเป็นคนเสื้อแดงติดตัวไปจนวันตาย ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ มีการอธิบายว่า ผมจะเดินทางไปปิดคนเสื้อแดง ซึ่งไม่ใช่ เพียงแต่คิดมอบภารกิจการต่อสู้ที่เป็นมรดกของคนเสื้อแดงไปให้กับกลุ่มราษฎร เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทั้งปวง โดยไม่มีความเป็น นปช. ซึ่งเดินมาได้แค่ระดับสู้กับอำมาตย์ จึงต้องส่งมอบมรดกให้คนหนุ่มสาว โดยเจตนามีเพียงแค่นี้เอง”

นายจตุพร กล่าวว่า การพยายามอธิบายว่า ตนรับงานมานั้น เป็นการกล่าวหาที่ทุเรศ ตนไม่ใช่คนบ้า ถ้าจะคิดทำมาหากิน นั่งอยู่เฉยก็ได้อยู่แล้ว แต่ตลอดเวลาการยึดอำนาจมา ตนเป็นคนเดียวที่ถูกถอนประกัน ถูกจำคุก 3 เดือน และทำหน้าที่อย่างแข็งแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว

“ที่พูดทั้งหมดมานี้ ได้พูดต่อทุกดวงวิญญาณกว่าร้อยชีวิตในเหตุการณ์เมษา-พฤษภา 53 ไม่มีแนวคิดเป็นอย่างอื่นเลย ดังนั้น ยุทธศาสตร์เมื่อเป้าหมายชนะ เราจะมาติดยึดได้อย่างไร ก็ควรยกทั้งหมดให้กับเขา ให้ไปสร้างความแข็งแรงกับเขา กลุ่มราษฎรก็จะมีพลัง เพราะเขายกย่อง นปช.ว่าเป็นคุณูปการ”

ส่วนนายก่อแก้ว พิกุลทอง บอก นปช.แตกเป็น 2 ส่วน เนื่องจากตนจับมือตั้งพรรคเพื่อชาติ แต่แกนนำไม่เห็นด้วยจึงอยู่พรรคเพื่อไทย แล้วแยกการทำงานการเมืองกัน นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อตนอยู่ในคุกคนของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ชวนให้มาช่วยพรรคเพื่อชาติ เพื่อนำคะแนนไปเทรวมให้ฝ่ายประชาธิปไตย ส่วนฝ่ายนายก่อแก้ว พร้อมหมู่มิตรไปตั้งพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งในช่วงนั้น ตนอาจเป็นการตัดสินผิดพลาดก็ได้ จึงได้แยกย้ายและยุติบทบาท ไม่ไปร่วมกับพรรคเพื่อชาติอีกเลย

ก่อแก้วโวครม.ปู5ภาพรวมดี-อุดช่องโหว่รัฐ - โพสต์ทูเดย์ ข่าวการเมือง

อย่างไรก็ตาม ตนได้คุยกับนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติก่อนแยกย้ายกันว่า ให้ไปรวมกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนอาจคิดผิดก็ได้ แต่นายก่อแก้วกับพวกไม่ได้อยู่พรรคเพื่อไทย แต่มาอธิบายว่า จะเดินต่อกับพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร ทั้งที่คุณอยู่พรรคไทยรักษาชาติ ที่ถูกยุบไป ดังนั้น การอธิบายคุณอาจลืมไป แต่ตนตัดสินใจนั้นเพื่อเอาคะแนนไปเทรวม แล้วหลังจากหาเสียงเสร็จ ตนไม่ได้เหยียบพรรคเพื่อชาติแม้แต่วันเดียว

“ในช่วงหนึ่ง เกี่ยวกับการตัดสินใจกรณี พรบ.สุดซอยนั้น หมอเหวง โตจิราการ เคยบอกให้ตัดสินใจดีๆ เพราะยังเป็นคนหนุ่มมีอนาคต ให้ตัดสินใจในเจตนารมณ์ของการต่อสู้ที่ผ่านมา แต่ก่อแก้ว ก็ตัดสินใจไปโหวตเลือกสนับสนุนตามคำบอกของคนที่ก่อแก้วออกมาปกป้อง แล้วนำไปสู่การยึดอำนาจในปี 2557 ซึ่งมาจากเรื่องสุดซอยกันทั้งสิ้น”

ส่วนการไม่ประชุม นปช.นั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นเพราะแยกที่ทำการกัน ดังนั้น ต่างฝ่ายต่างแยกประชุมกัน และแยกตัวกันอย่างชัดเจนในทางปฏิบัติ เมื่อต่างคนต่างใช้สิทธิ์เสรีภาพ ไม่ก้าวก่ายกัน จึงไม่รู้จะคุยกันเรื่องอะไร เมื่อแยกตัวกันอย่างชัดเจนแล้ว

“กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น ผมยังบอกตามเดิมว่า ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า ผมไม่มีวันไปร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งชัดเจนอยู่แล้ว ทุกคนต่างก็รู้ว่า ผมไม่มีทางไปอยู่ฝ่ายอื่นที่ไม่เป็น ประชาธิปไตย เหมือนกับทุกคนก็รู้ดีรู้ชั่วกรณีหาเสียงที่เชียงใหม่”

นายจตุพร ย้ำว่า นปช.ไม่ใช่สมบัติของใครคนหนึ่ง เมื่อการต่อสู้มาถึงปัจจุบัน คนหนุ่มสาวยกระดับข้อเรียกร้องที่สูงขึ้น ดังนั้น นโยบายหลักของ นปช.ที่เคยก้าวหน้าที่สุดในยุคหนึ่ง แต่ปัจจุบันเทียบไม่ได้กับข้อเรียกร้องของราษฎรเลย จึงถือว่า นปช.เป็นความล้าหลังที่สุด

นอกจากนี้ ตนกล้าพูดได้ว่า ไม่มีแกนนำคนใดแม้แต่คนเดียวจะไปยืนหยัดต่อสู้กับข้อเรียกร้องที่ 3 ของ นักศึกษา หรือกลุ่มราษฎร แค่มีคำพูดที่สวยหรูว่า สนับสนุนการต่อสู้ ซึ่งพูดดูดี แต่ไม่ไปร่วมสู้ ดังนั้น เมื่อมวลชนก้าวหน้าไปกว่าแกนนำ นปช.แล้ว จึงต้องมอบสมบัติไปสร้างความแข็งแรงให้กับคนหนุ่มสาว

พันธมิตร แนวร่วม คนเสื้อแดง เยาวชนปลดแอก คณะราษฎร 2563

“ไม่ใช่การยกเลิกคนเสื้อแดง แค่ส่งมรดกภารกิจที่ผ่านมาให้คนหนุ่มสาว เพื่อให้การต่อสู้ของเขามีกำลังใจ ซึ่งเราไม่ได้ติดยึด และเสื้อแดงยังอยู่ แต่แกนนำไปได้เท่านี้ แค่ระดับอำมาตย์ เมื่อมวลชนไปทะลุเพดานไปกับราษฎร เราจึงต้องส่งมอบมรดกให้ราษฎรเป็นภารกิจต่อ และคนเสื้อแดงยังอยู่ ไม่ได้หายไปไหนเลย”

นายจตุพร กล่าวว่า การเที่ยวพูดดูถูกดูแคลนว่า เดินสายไปปิดเสื้อแดงนั้น ตนไม่ปัญญาอ่อน เพราะเสื้อแดงไม่มีใครจะไปปิดได้

“ผมถามก่อแก้ว 7 ปีคุณทำอะไรบ้าง ยกเว้นปกป้องเจ๊ แล้วมาถล่มผมอีกครั้ง เหตุผลไม่มีใครยกเลิกคนเสื้อแดงได้ เรามาติดยึดอะไรกับสมบัติบ้าบอ เราควรเอาเป้าหมายเป็นภารกิจที่ดีงามให้เขา เราควรมอบสมบัติที่ทำมาได้แค่นี้ให้เขาไป ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นจริงมากกว่ากับการต่อสู้ เพราะเขาก้าวหน้ามากกว่าแล้ว”นายจตุพร กล่าว

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายจตุพร ได้เคยออกมาแสดงความคิดเกี่ยวกับเรื่องข้อเรียกร้องข้อที่ 3 ของม็อบคณะราษฎรหลายครั้ง โดยครั้งหนึ่ง

วันที่ 5 ต.ค. 63 นายจตุพร ได้กล่าวถึงกรณีสถานการณ์การชุมนุม ขอยืนยันสนับสนุนแนวคิด 3 ข้อ คือ หยุดคุกคามประชาชน ให้นายกรัฐมนตรีลาออก และยุบสภา “แต่นอกเหนือจากนี้ผมไม่เห็นด้วย พร้อมกับมองว่าหากข้อเรียกร้องจุดยืนทั้ง 3 ข้อถูกจำกัดไว้ จะเกิดชัยชนะต่อผู้ชุมนุม”

เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 63 นายจตุพรได้กล่าวถึงการชุมนุมของม็อบราษฎรและสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า
“การชุมนุมเมื่อ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาที่สนามหลวง เนื้อหาหลักในการอภิปรายบนเวทีเป็นการปฏิรูปสถาบันถึง 90% เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเพียง 10% จึงรู้ถึงเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่รัฐบาล แต่อยู่ที่สถาบัน ”

” แม้ข้อเรียกร้องได้ปรับเปลี่ยนก็ตามแล้ว แต่ท่วงทำนองและบริบทการปฎิรูปสถาบันยังถูกใช้เป็นหลักอยู่ อีกทั้งการชุมนุม 14 ตุลานั้น ในวันนั้นจะมีพิธีที่วัดพระแก้วพระบรมมหาราชวัง ถนนราชดำเนินในช่วงปกติจะเป็นเส้นทางขบวนเสด็จ กรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในการชุมนุมเมื่อพฤษภา 2535 ผู้ชุมนุมต้องเปิดสองข้างทางให้ขบวนเสด็จ แล้วเปล่งเสียงทรงพระเจริญ และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ชุมนุมใหญ่ 14 ตุลา ปชช.ชูสามนิ้วพร้อมตะโกนใส่ขบวนเสด็จ “ประยุทธ์” สั่งเอาผิดอย่างเฉียบขาด – thai-democracy

“เพียงสถานการณ์ในคราวนี้มีความแตกต่างกัน นี่เป็นเส้นบางๆที่มีความละเอียดอ่อนมาก เพราะหลากหลายเรื่องราว อะไรที่มากเกินไปนั้น คิดว่าบวกก็จะกลายเป็นลบ ผมจึงไม่อยากวิพากษ์ แต่หลายเรื่องควรมีหลักมีสติเหมือนกัน คนเราเมื่อมีความรักกันจริงก็ต้องเตือนกันอย่างมีสติ ประเภทยุส่ง ผมเชื่อว่าไม่มีความรักกันจริง”

นายจตุพร ย้ำว่า หลายเรื่องได้เลยเถิดมามาก แต่ถ้าเอาประเด็นเกี่ยวข้องกับสามัญชนด้วยกันแล้ว ทุกอย่างจะเรียบร้อย ถ้าเลยเถิดจึงเป็นการจำกัดแนวร่วม วันนี้เมื่อเรียกร้องให้สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง นั่นแปลความว่าพสกนิกรต้องเทิดไว้เหนือหัว จึงไม่ควรดึงลงมาอยู่ในสนามการเมือง ส่วนความเห็นต่างกันให้เป็นเรื่องสามัญชน”

วันที่ 15 ต.ค. 63 จตุพรได้เรียกร้องให้ผู้ชุมนุมลดเพดานข้อเรียกร้อง จากเรื่องสถาบัน ให้เหลือเพียงการกดดันให้นายกรัฐนตรีลาออกเท่านั้น