“อานนท์” เพ้อหนัก พาผู้ลี้ภัยกลับบ้าน ฟันธง! ฝันลมๆแล้งๆ แฝงนัยยะล้มเจ้า?

2585

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มกลับมาบังคับใช้กฎหมาย มาตรา 112 อย่างจริงจัง ทำให้เหล่าแกนนำโดนหมายเรียกกันยาวเป็นหางว่าว

ซึ่งแกนนำหลายๆคนก็ค่อยๆหายหน้าหายตาไป หรือแสดงออกถึงความหวาดกลัวกฎหมายมาตราดังกล่าวอย่างชัดเจน ด้วยการพยายามเรียกร้องให้ยกเลิก ม.112

ในขณะเดียวกัน นายอานนท์ นำภา แกนนำคนสำคัญพ่วงวิชาความรู้ทนายความ กลับมีท่าทีที่สวนทางกับแกนนำรุ่นน้องคนอื่นๆ โดยนายอานนท์ไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวต่อกฎหมายมาตรา 112 ซ้ำยังท้าทายปลุกระดมไม่หยุดหย่อน โดยเริ่มจากการเพียงพยายามพูดชักจูงผู้คนให้ไม่เกรงกลัว ม.112 ลามไปจนกระทั่งเพ้อฝันถึงชัยนะที่ไม่มีวันมาถึง

เปิดโพสต์ล่าสุด "ทนายอานนท์" ถึงเชียงใหม่แล้ว ไม่นานเฟซบุ๊กปลิวโดยอาการละเมอฝันกลางวันของอานนท์ เริ่มจากวันที่ 7 ธ.ค. 63 นายอานนท์ได้โพสต์ข้อความว่า
“คำทำนายของผม จดไว้ข้างฝาบ้านได้ แล้วคอยดูว่ามันจะจริงมั้ย
“ หลังการใช้มาตรา 112 อย่างหนัก รัฐจะเลือกขังคนที่โดน 112 เพื่อไม่ให้มีการเปิดประเด็นอื่นๆอีก เพราะเท่าที่โดนเปิดแผลมาก็สาหัสแล้ว จากนั้นจะตามคุกคามคนที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ ใช้เจ้าหน้าที่ไปกดดันที่บ้านบ้าง ใช้กฎหมายบ้าง
ต่อมากระแสจะตีกลับ กลายเป็นว่าสิ่งที่เราเปิดแผลไว้มันถูกขยายไปในขบวนทางโซเชียลอย่างรวดเร็ว เกิดขบวนย่อยๆ ลงท้องถนนและถกเถียงเรื่องสถาบันกษัตริย์อย่างกว้างขวาง เกิดขบวนปฏิวัติประชาชนขั้นปฐมภูมิ ไฟจะลามไปถึงการเสนอให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ ถึงตอนนั้นรัฐจะปราบปรามอย่างรุนแรง
การยึดอำนาจโดยทหารจะเกิดขึ้น พร้อมการต่อต้านจากประชาชนทุกรูปแบบ เน้นย้ำว่า “ทุกรูปแบบ” ส่งผลให้ชนชั้นนำไทยต้องเดินทางลี้ภัยนอกประเทศ ขนสมบัติเท่าที่จะขนได้ไป และไม่ได้กลับมาเมืองไทยอีกเลย
จากนั้นรัฐไทยจะถูกปกครองด้วยทหารสักระยะ แล้วจะค่อยๆกลายเป็นรัฐประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ภายใน 5 ปี หลังจากนั้น “
ถ้าชนชั้นนำไทยเลือกเดินทางนั่น เราจะเหนื่อย จะเจ็บ แต่จะจบอย่างแน่นอน”

“ผมกลับคิดว่า การใช้มาตรา 112 ครั้งนี้จะถูกท้าทายกลับด้วยยุทธวิธีแบบปัจเจก ถ้าพูดให้ตื่นเต้นหน่อยก็เรียกว่ายุทธวิธีกองโจร
1.เราอาจได้เห็นงานศิลปะใหม่ๆ ที่ต่อต้านการใช้มาตรา 112 หรืออาจลามไปถึงต่อต้านสถาบันกษัตริย์ ตามที่ต่างๆ และจะกลายเป็นกระแสจนยากจะสะกัดกั้นได้
2.เราอาจได้เห็นการตอบโต้ด้วยการทำลายรูปเคารพ หรือสิ่งแทนที่สร้างขึ้นด้วยความมุ่งหมายเช่นว่า
3.เราอาจได้เห็นการตอบโต้ทางธุรกิจต่อหน่วยงานหรือองค์กรที่สนับสนุนการใช้ 112
4.เราอาจได้เห็นการพลีชีพ หรือการยืนยันหลักการทางกฎหมายของข้าราชการ ที่ไม่สยบยอมต่อคำสั่งเบื้องบน เราอาจได้เห็นตำรวจ อัยการ ผู้พิพากษา สั่งไม่ฟ้อง หรือสั่งเป็นคุณกับฝ่ายราษฎร และแน่นอน ว่าเขาเหล่านั้นจะถูกกลั่นแกล้งและทำร้าย
การตอบโต้ที่จะตีกลับฝ่ายชนชั้นนำไทยจะออกมาในรูปปัจเจกมากขึ้น ไร้การควบคุม
เรากำลังเดินเข้าสู่ความขัดแย้งที่พร้อมแตกหัก ไม่ประนีประนอม
อาวุธแรกของชนชั้นนำไทยปล่อยออกมาแล้วคือ 112 จากนี้คือรอดูการตอบโต้จากราษฎร”
โดยชนชั้นนำที่นายอานนท์กล่าวถึง คือ สถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง

คณะราษฎร 2563 : ปล่อยตัวทนายอานนท์-สมยศ-เอกชัย-สุรนาถ หลังถูกจองจำเกือบ 20 วัน - BBC News ไทย

วันที่ 9 ธันวาคม 63 นายอานนท์โพสต์อีกครั้งว่า
“ก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องชนกับ 112 ตรงๆ เพราะขบวนเรากำลังพูดถึงพฤติการณ์ของกษัตริย์ที่ขัดกับระบอบประชาธิปไตย และอีกหลายๆเรื่องที่เราบอกว่าเขาทำผิด
เราเดินทางมาจากจุดที่ “ทนไม่ได้” และพูดกันตรงๆแบบอารยะ แต่ไพ่ใบท้ายๆของเขาคือเอากฎหมายมาปิดปากไม่ให้เราพูด
การต่อสู้นี้ไม่ใช่การต่อสู้เพียงวันเดียว ครั้งเดียวจบ หากแต่ต้องใช้เวลา
ระหว่างทางเราต้องช่วยกันประคับประคองขบวน ดูแลกันและกัน แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง
การที่พวกเขาเอา 112 มาใช้ย่อมเป็นใบเสร็จแห่งความขี้ขลาดและหวาดกลัว เป็นสัญญาณว่าสิ่งที่เราร่วมกันทำมามันตีตรงจุดจนเขาต้องยกการ์ดขึ้นมาบัง เปิดให้เห็นความล่อนจ้อนและสิ่งที่ซุกซ่อนไว้
การต่อสู้ย่อมมีบาดแผล ผมคิดว่านักสู้หลายคนรวมถึงผมก็พร้อมและยินดีจะเผชิญ
112 จะไปพร้อมกับอำนาจที่ล้นเกินของชนชั้นนำไทย ผมเชื่ออย่างนั้น และเมื่อวันนั้นมาถึง เราจะร่วมกันสร้างบ้านหลังใหม่ให้แข็งแรง ไม่ให้ใครขึ้นมากดหัวปกครองเราอีก ”

ทนายอานนท์ปฏิเสธนำตัวไปสอบสวน ตชด.ภาค 1 ยังถูกคุมตัวที่ สน.ชนะสงคราม | THE MOMENTUM

การที่เหล่าแกนนำและแนวร่วมเริ่มโดนหมายเรียก ม.112 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจมีผลทำให้มวลชนขวัญเสียและเริ่มตระหนักถึงการละเมิดกฎหมายข้อดังกล่าวมากขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นต่อไปอาจจะทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าร่วมกับกลุ่มแกนนำ โดย 11 ธันวาคม 63 นายอานนท์ได้โพสต์เรียความฮึกเหิม ความว่า

“ถ้ากลัว 112 ก็ไม่สามารถปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ได้ !!!
เพราะการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์มันเลี่ยงที่พูดถึงปัญหาของสถาบันกษัตริย์ไม่ได้ ทั้งเรื่องการขยายอำนาจ การแทรกแทรงการเมือง การเอาทรัพย์สินส่วนรวมไปเป็นของส่วนตัว รวมทั้งการใช้จ่ายเกี่ยวกับสถาบันอย่างฟุ่มเฟือย
ถ้าพฤติการณ์เดียวกันนี้เป็นคนธรรมดาทำ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกคนด่า คนสาปแช่ง
การแอ่นอกรับ 112 ในทุกมิติ จึงเป็นอีกการต่อสู้ที่มีความจริงเป็นเครื่องชี้วัด
วัดว่าสังคมนี้จะอยู่กับความจริงหรือความลวง
ส่วนตัวผม ผมเลือกอยู่กับความจริง และพร้อมเผชิญกับทุกขวากหนาม
อย่าว่าแต่ 112 เลย เชิญตั้งข้อหาว่าผมเป็นกบฏตาม มาตรา 113 กล่าวหาว่าคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองผมก็ไม่กลัว ความจริงคือความจริงวันยันค่ำ
เราจะใช้ความจริงสู้กับพวกเขา ผมยังมองไม่เห็นความพ่ายแพ้บนถนนสายราษฎรสายนี้ แม้ที่เส้นชัยอาจไม่มีผมหรือเพื่อนอีกหลายคนยืนจิบเบียร์เย็นๆตรงนั้นก็ตาม
แต่พวกเราชนะแน่นอน !!!”

“น่าสงสารพวกเร่งใช้ 112 คงรู้ว่าอีกไม่นานจะไม่มีที่ให้ใช้ ”

ทนายอานนท์” ปราศรัยดุ ย้ำ 10 ข้อเรียกร้อง ลั่น ไม่คุกเข่าให้เผด็จการ

ต่อมาในวันที่ 12 ธันวาคม 63 นายอานนท์ไโพสต์ข้อความว่า
“พูดอย่างซีเรียส
สถานการณ์นี้ต้องนวดให้น่วมก่อนค่อยเด็ด อย่าใจร้อนว่าจะเอาชนะได้ทันที เราต้องนวด ต้องเปิดแผลฝ่ายตรงข้ามให้มากที่สุดก่อน สร้างแนวร่วมให้เข้มแข็ง ลดแนวปะทะที่ไม่จำเป็น
และเมื่อเราใจนิ่งพอ ภายในปีหน้า เราจะมีแนวร่วมที่เข้มแข็ง เดินไปพร้อมกันเป็นหน้ากระดาน ไม่มีใครล้ำหน้าใครในเชิงเนื้อหาและตำแหน่งแห่งที่ในขบวน ไม่ทิ้งให้ใครตกหล่นขบวนไปเพราะการเข้าใจที่ไม่ตรงกันหรือไม่เท่ากัน
ถ้าโชคดีกว่านั้น ด้วยความนิ่งและการทำงานความคิดแบบสู้ยาว พวกเขาจะเป็นฝ่ายพลาดเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวเอง
รักษาหน้าที่ของตัวเองที่มีต่อขบวน ช่วยเพื่อนแบกในส่วนที่เพื่อนหนักและเรามีแรงพอ
โอกาสที่เรามาถึงจุดนี้ได้มันไม่ง่าย
เชื่อมั่นและศรัทธาในมิตรสหายทุกคน
อานนท์ นำภา ”

People-press on Twitter: "จับตา! ถอนประกัน 'ทนายอานนท์-ไมค์ระยอง' หลังขึ้นปราศรัยเวทีธรรมศาสตร์ ผบช.ภ.1 เผย กำลังรวบรวมหลักฐาน เตรียมประสานนครบาล ยื่นศาลพิจารณาถอนประกัน เนื่องจากทำผิดเงื่อนไข! #อย่าจาบจ้วงประชาชน #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน #จะไม่ทนธรรมศาสตร์ ...
วันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา นายอานนท์ได้เพิ่มระดับเพดานในการปลุกระดม โดยการโพสต์ข้อความว่า
“รัฐบาลควรเร่งศึกษา ม.113 ข้อหากบฏเปลี่ยนแปลงการปกครอง มากกว่าจะไปเสียเวลากับมาตรา 112 เพราะแนวโน้มคนน่าจะข้ามจาก มาตรา 112 มาไกลแล้วครับ ปีหน้ามีคนเสนอยกเลิกระบอบกษัตริย์แน่นอน”
ซึ่งนายพริษฐ์และนางสาวปนัสยาได้โพสข้อความในทำนองเดียวกันว่า
“ถ้าไม่ยกเลิกมาตรา 112 เสียตอนนี้ ปีหน้าคงจะมีคนเสนอให้ยกเลิกอย่างอื่นก่อนเป็นแน่แท้”
“ถ้าปีนี้ไม่ยกเลิกม.112 ปีหน้าคงได้ยกเลิกอย่างอื่นแทนนะคะ”

เพนกวิน-รุ้ง' เซลฟีโพสต์รูปคู่ แจ้งมวลชนคีย์บอร์ด ข้ามสะพานผ่านฟ้าฯแล้วนะและล่าสุด วันนี้ นายอานนท์ ได้โพสต์ด้วยความห้าวเหิมเกริมไม่เกรงกลัวกฎหมายมากกว่าทุกครั้ง โดยการโพสต์ว่า

“ปีหน้าจะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ตั้งเป้าไว้ เราจะพาเพื่อนผู้ลี้ภัยทางการเมืองกลับบ้าน มาฉลองปีใหม่ 2565 ด้วยกันที่ราชดำเนิน”

โดยจากการาตรวจสอบพบข้อมูลว่า ผู้ลี้ภัยโดยส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 ซึ่งการที่นายอานนท์กล้าประกาศกร้าวว่า จะพาผู้ลี้ภัยเหล่านั้นกลับบ้าน ย่อมหมายถึงกฎหมายมาตรา 112 นั้นอันตรธานหายไปจากรัฐธรรมนูญไทย หรือ เลวร้ายยิ่งกว่านั้น นี่อาจหมายถึงการไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการแก้ไขกฎหมาย เปลี่ยนแปลงการปกครอง ??? ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ เป็นแค่ฝันลมๆแล้งๆ ที่ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเด็ดขาด!!!