“ดร.นิว” ชี้ “คณะราษฎร” สำนึกผิด คือคำสารภาพ เนื้อแท้เผด็จการ ปล้นพระราชอำนาจ!!

2466

จากกรณีที่ วันที่ 26 ธ.ค.63 พลโท สรภฎ นิรันดร บุตรชายของ พันตรี สเหวก นิรันดร หรือ ขุนนิรันดรชัย ได้ออกมาแถลงสำนึกผิดแทนบิดา ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะราษฎร 2475 สายทหารบก

ที่ได้กระทำการมิบังควรต่อทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาเป็นของตนเองโดยมิชอบ ซึ่งมีเนื้อหาบางช่วงระบุว่า อยากให้เด็กเยาวชนได้ศึกษาความเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยให้ถ่องแท้ ได้ยือถือพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ใช้สติ อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ

ส่วนเรื่องปฏิวัติ 2475 ผิดหรือถูกนั้น บุตรชาย พันตรี เสวก กล่าวว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล คุณพ่อก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ละคนต่างก้มีความคิดต่างกันไป โดยก่อนเสียชีวิตคุณพ่อได้มีความสำนึกผิด ช่วงนั้นท่านยังมีชีวิตก็ได้สำนึกผิดซึ่งเหตุการณ์มิบังควรนั้นได้เกิดขึ้น ตอนคุณพ่อเป็นกรรมการสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เรื่องเกี่ยวกับที่ดินของตระกูล นิรันดร ที่มีจำนวน 80 แปลง มีอยู่ที่ถนนสาทร 3ไร่กว่า ทั้งที่ใกล้กับพระตำหนัก และพระราชวัง อีก2แห่ง

อย่างไรก็ตามพลโท สรภฎ ได้ก้มลงกราบพร้อมกล่าวคำขอพระราชทานอภัยโทษต่อหน้า พระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง3พระองค์ด้วย คือ ในหลวงรัชกาลที่ 7 ในหลวงรัชกาลที่ 8 และในหลวงรัชกาลที่ 9 นอกจากนี้ช่วงระหว่างการแถลงนั้น พลโท สรภฎ ได้มีน้ำเสียงสะอื้นด้วย ขณะตอบคำถามสื่อมวลชน

ล่าสุด ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Suphanat Aphinyan ระบุว่า

“#ประชาธิปไตยจอมปลอมของคณะราษฎรที่ใกล้อวสาน
26 ธันวาคม 2563 ประวัติศาสตร์ต้องจารึก
พลโท สรภฎ นิรันดร ทายาทของขุนนิรันดรชัยหนึ่งในคณะราษฎรผู้เป็นคนสนิทของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ออกมาแถลงสำนึกผิดแทนบิดาผู้ล่วงลับ ที่ได้กระทำการมิบังควรต่อทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาเป็นของตนเองโดยมิชอบ ซึ่งในตอนท้าย ทายาทตัวจริงของคณะราษฎร ได้กล่าวว่า “ผมก็ได้แต่มีความเห็นว่า มีเหตุผลสมควรอย่างยิ่งที่คุณพ่อสำนึกผิด เพราะว่าคุณพ่อเป็นหนึ่งในคณะราษฏร คุณพ่อได้ทำอะไรไว้หลายประการที่ไม่ถูกต้อง และบั้นปลายเมื่อท่านสำนึกผิด และจะขอพระราชทานอภัยโทษ ท่านไม่มีโอกาสแล้ว เพราะท่านเป็นอัมพาต พูดก็ไม่ค่อยจะได้ ได้แต่นอนร้องไห้ ผมเห็นกะตา แล้วคุณพ่อก็พูดกับคุณแม่บอกว่า ที่ท่านเป็นอย่างนี้ เพราะท่านเสียน้ำพิพัฒน์สัตยา แล้วท่านทำสิ่งที่ไม่บังควรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งรายละเอียดเรื่องเหล่านี้ผมไม่สามารถจะเรียนให้ทราบได้”

เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในครั้งนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันเนื้อแท้ของคณะราษฎรที่เป็นเผด็จการ ปล้นพระราชอำนาจและคลังหลวง ยึดอำนาจอธิปไตยปวงชนไปเป็นของคนส่วนน้อย ถือลัทธิรัฐธรรมนูญ สร้างรัฐธรรมนูญขึ้นมาหลอกลวงประชาชน โดยไม่ได้สร้างประชาธิปไตยให้กับประชาชน ไม่เคยทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชน เป็นสาเหตุที่แท้จริงที่อำนาจอธิปไตยไม่เคยมาถึงมือของประชาชนนับตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรอุบาทว์แห่งประชาธิปไตยจอมปลอม และความขัดแย้งแตกแยกของประเทศไทยที่ดำเนินเรื่อยมาถึงในปัจจุบัน

ลัทธิรัฐธรรมนูญต่างหากที่กลัวการสร้างประชาธิปไตย เพราะลัทธิรัฐธรรมนูญรู้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไปถึงขีดสุด เกิดราชประชาสมาสัยขึ้นอย่างสมบูรณ์ ประชาธิปไตยหรืออำนาจอธิปไตยปวงชนก็จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง และจะไม่เป็นจริงเพียงแค่ในกระดาษอีกต่อไป นำไปสู่จุดจบของลัทธิรัฐธรรมนูญและวงจรอุบาทว์ของคณะราษฎรอันยาวนานกว่า 88 ปี

เป็นเหตุผลว่าทำไมคณะราษฎรตลอดจนทายาททางความคิดที่ต่างก็ถือลัทธิรัฐธรรมนูญ จึงต้องบั่นทอนและทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอดไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม อีกทั้งพยายามทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เหินห่างจากประชาชน เพราะลัทธิรัฐธรรมนูญกลัวสถาบันพระมหากษัตริย์จะช่วยสร้างประชาธิปไตยให้กับประชาชน ในเมื่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันประชาธิปไตยโดยเนื้อแท้ ถือประโยชน์สุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง เป็นผู้วางรากฐานของชาติและระบอบประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น มีคุณงามความดีมากมายต่ออาณาราษฎรปรากฏอย่างเด่นชัดตลอดมา

เมื่อใดก็ตามที่สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่กับประชาชนโดยสมบูรณ์ เมื่อนั้นสถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะเป็นกำลังของประชาชนในการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง

หนทางในการสร้างประชาธิปไตยจึงไม่ใช่การละเมิดหรือทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่เขาหลอกลวง หากแต่เป็นการฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อเปิดทางในการนำประวัติศาสตร์ที่ถูกคณะราษฎรปล้นไปกลับคืนมา

ประวัติศาสตร์ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ช่วยสร้างประชาธิปไตยให้กับประชาชนจนเสร็จสมบูรณ์

ดร.ศุภณัฐ
27 ธันวาคม พ.ศ. 2563
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ”

ในภาพอาจจะมี 2 คน, ข้อความ