จริงหรือไบเดนจะชนะทรัมป์?!? โลกปั่นป่วนวุ่นวาย เพื่อชิงอำนาจ-ผลประโยขน์!?! ปท.ไทยรู้เท่าทันร่วมกันรับมือ

2254

ทรัมป์อาจจะทำให้ชาติอื่นไม่พอใจ มีคะแนนต่ำกว่าคู่แข่ง แต่เขาทำนิวไฮตัวเลขเศรษฐกิจทุกตัวถ้าเทียบกับ 5 ปีก่อน  การทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจฟื้นตัว และปกป้องคนในประเทศจากพวกอพยพทั้งหมดนี้คือวาระของทรัมป์ เพิ่มเติมเชื้อเกลียดจีน ทำให้ไบเดนต้องมีตัวช่วยแบบคามาลา แฮร์ริส แย่งคะแนนคนผิวสีและผู้หญิง  การเมืองสหรัฐขับเคี่ยวเข้มข้น ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในการคุกคามผ่านทางสังคมเสมือน คุกรุ่นพร้อมไปกับเพื่อนบ้านน่านน้ำทะเลจีนใต้ จึงจำเป็นที่ต้องรู้ทัน และเตรียมพร้อมรับผลกระทบที่จะตามมา ไม่ว่าใครจะได้รับเลือกเป็นปธน.สหรัฐ

“นี่คือศึกเลือกตั้งที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ” ทรัมป์กล่าว “ไม่เคยมีความต่างระหว่างสองพรรคหรือบุคคล 2 คน มากเท่านี้มาก่อนเลย ทั้งในด้านอุดมการณ์, ปรัชญาและวิสัยทัศน์”

ทรัมป์ วัย 74 ปี ผู้เป็นนักธุรกิจและเป็นคนดังทางโทรทัศน์ก่อนก้าวเข้าสู่เวทีการเมือง เขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2016 จากการเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน เอาชนะ ฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตและอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ

ในปีนี้ เขาจะต้องแข่งกับ “โจ ไบเดน” อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวแทนจากพรรคเดโมแครต โดยสำนักโพลเรียลเคลียร์โพลิติกส์ (RealClearPolitics) ได้เผยแพร่ผลสำรวจ พบว่าไบเดน มีคะแนนนิยมนำหน้าทรัมป์ 7.1% อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ มักปฏิเสธผลสำรวจของสำนักโพลต่างๆโดยชี้ว่ามันเป็นโพล “จอมปลอม”

ทรัมป์จัดการรณรงค์หาเสียงในรัฐที่เป็นสนามเลือกตั้งแห่งสำคัญ และเมื่อวันพฤหัสบดี (20 ส.ค.) ทรัมป์จัดกิจกรรมหาเสียงทับซ้อนกับกิจกรรมของไบเดนในพื้นที่ใกล้บ้านเกิดของไบเดน ที่เมืองแสกรนตัน รัฐเพนซิลเวเนีย โดยจัดขึ้นก่อนการปราศรัยของไบเดนเพียงไม่กี่ชั่วโมง

ตามข้อมูลของบริษัทวัดเรตติ้ง Nielsen พบว่ามีชาวอเมริกันชน 23.8 ล้านคน รับชม ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์ตอบรับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสู้ศึกเลือกตั้ง ในคืนสุดท้ายของที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน น้อยกว่าผู้ชมที่รับชม โจ ไบเดน ตอบรับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ซึ่งมีชาวอเมริการับชมทางโทรทัศน์ 24.6 ล้านคน อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้ไม่รวมผู้ชมทางออนไลน

อุดมการณ์, ปรัชญา, วิสัยทัศน์ ของผู้นำสองพรรคใหญ่

ทรัมป์ก็เป็นแบบทรัมป์ฯ– “ถึงมิตรสหายชาวอเมริกันในค่ำคืนนี้ หัวใจผมท่วมท้นไปด้วยความขอบคุณและความคิดที่ดีงาม ผมขอตอบรับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯในครั้งนี้ด้วยความภาคภูมิ” ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในงานประชุมใหญ่ประจำปีของพรรครีพับลิกัน RNC และตอบรับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสู้ศึกเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ  หวังกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย  และเมื่อคืนวันพฤหัสบดี(27ส.ค.) ทรัมป์ ร่ายยาวเหตุผลที่เขาควรได้รับเลือกกลับมาเป็นประธานาธิบดี 

-ปธน.ทรัมป์ ประสบความสำเร็จมากมายระหว่างการดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทั้งการดูแลเยียวยาคนอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ได้อนุมัติงบฯเยียวยา และงบฯฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดหุ้นมีกำไรอย่างต่อเนื่อง แม้มีการระบาดใหญ่ 

-แนวทางรับมือกับโรคระบาดใหญ่ไวรัสสายพันธุ์ใหม่โควิด-19 ของตนเองนั้น สอดคล้องกับวัฒนธรรมของสังคมอเมรักันที่เชื่อในสิทธิเสรีภาพบุคคล และเชื่อในหนทางที่ตนเองเลือก

-ความแตกต่างระหว่างตัวเขากับไบเดน เขาแจกแจงว่ามีแต่เขาเท่านั้นที่รักอเมริกาอย่างแท้จริง ปกป้องจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ของอเมริกา และอเมริกันชนอย่างสุดจิตสุดใจ ขณะที่ไบเด็นและพวก มีวาระซ่อนเร้นที่เป็นอันตรายต่อคนอเมริกันและประเทศอเมริกา และทั้งโลกด้วย

ในเรื่องนี้ก็วกเข้ามาถึงประเด็น “เกลียดชังจีน” กล่าวว่า ไบเด็นเป็นคนทรยศ แท้จริงสนับสนุนจีนเป็นพวกซ้ายจัด ให้ดูจากการประท้วงที่เกิดทั่วประเทศว่า รุนแรง วุ่นวายหลั่งเลือด เพื่อเป้าหมายที่ตนเองต้องการ  ไม่มีใครสนใจกฎหมาย แต่ปากอ้างความยุติธรรม แล้วตบท้ายว่า “วาดภาพอเมริกาจะเป็นเช่นไร ถ้าได้ไบเดนเป็นปธน. ก็ดูภาพเผาทำลาย เข่มฆ่ากันทุกหย่อมหญ้าก็ได้ มันจะเป็นเช่นนั้น” ถ้าไบเดนชนะ “สหรัฐฯเสร็จจีนแน่”

โจ ไบเดน- ภาพพจน์ดูสุภาพแบบสายกลาง ได้คุ่หูมาเสริมเอาใจคนผิวสี  แต่เดโมแครตเป็นกลางจริงหรือ คงต้องย้อนกลับไปดูฮิลลารี คลินตันว่ามุ่งมั่นจะทำอะไรกับโลก

ในการประชุมประจำปีพรรคเดโมแครต (DNC) หลังรับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ  ไบเดนซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสมัยประธานาธิบดีบารัก โอบามา ระหว่างปี 2552-2560 ให้คำมั่นกับสมาชิกพรรคและผู้สนับสนุนชาวอเมริกันว่า หากชนะการเลือกตั้ง เขาจะทำสุดความสามารถเพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากฤดูกาลอันมืดมน “หากชาวอเมริกันไว้วางใจให้ผมเป็นประธานาธิบดี เราจะสามารถเอาชนะฤดูกาลแห่งความมืดมิดในอเมริกานี้ไปได้”  เขาชี้ภาพความตกต่ำของเศรษฐกิจ- การรับมือกับโควิด-19 การแก้ปัญหาขีวิตการงานของคนอเมริกันของทรัมป์ ว่าแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา

แนวโน้มคือช่วงเวลาทองของไบเดน

อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐให้สัญญาว่า จะประกาศใช้แผนสู้วิกฤติโควิด-19 ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี หากชนะการเลือกตั้ง

-ชาวโลกที่ไม่ได้มีเชื้อสายเผ่าพันธุ์คอเคซอยต่างลุ้นให้ไบเดนชนะ ซึ่งจะทำให้นางคามาลา แฮร์ริสเป็นรองประธานาธิบดีหญิงคนแรก ที่เป็นสตรีเชื้อสายเอเชียแคริบเบียน(จาไมกา-อินเดีย) คนแรกที่ได้รับตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองอันดับ 2 ของสหรัฐฯ

ปีหน้าซึ่งเป็นช่วงรับตำแหน่ง ไบเดนจะมีอายุเข้า 78 ปี เป็นประธานาธิบดีอีก 4 ปีก็อายุ 82 ปี สมัครประธานาธิบดีต่ออีกสมัยคงไม่ไหวแน่ แต่ตอนนี้แฮร์ริสอายุเพียง 55 ปี หากชนะเลือกตั้งก็จะจบวาระการเป็นรองฯ ตอนอายุ 60 ปี ถือว่าเป็นวัยกำลังดีที่จะขึ้นเป็นตัวแทนของพรรคเด็มโมแครตไปสมัครประธานาธิบดี และถ้าทำงานดีก็สามารถเป็นได้ถึง 2 สมัย 8 ปี แบบเดียวกับอดีตประธานาธิบดีผิวสีบารัค โอบามา  ไบเดนกับแฮร์ริสไม่มีข้อที่จะถูกตำหนิติเตียนมาก คู่หูคู่นี้มีแนวโน้มที่จะสามารถล้มทรัมป์ได้ ทรัมป์ต้องป้องกันแชมป์ด้วยการใช้อาวุธ ‘เกลียดกลัวจีน‘ ยิงเข้าใส่ไบเดน และอาจมีอีกหลายไม้ก่อนวันเลือกตั้งจะมาถึง

กลุ่มอดีตเจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกันทั้งหมด 74 คน เมื่อวันพฤหัสบดี (20 ส.ค.) ระบุว่าพวกเขาจะเลือก โจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไปในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนนี้ เพราะ “รู้สึกกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศและจุดยืนของสหรัฐฯ บนเวทีโลกภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากประธานาธิบดีได้แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เหมาะสมอย่างมากที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่ออีกสมัย”  และเมื่อปี 2016 คนกลุ่มนี้กล่าวว่า “จะไม่มีใครเลือกโดนัลด์ ทรัมป์ สักคน” 

ใครชนะก็ไม่พ้นกลียุค-สังคมเดือด เข้าสู่การจัดระเบียบใหม่

ห้วงช่วงเวลาการเลือกตั้งประธานาธิบดีงวดเข้ามาเรื่อยๆ คะแนนของทรัมป์เองก็ยังจมอยู่ในโคลน  หลังจากเลือกตั้ง ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร สหรัฐฯก็จะมีแต่การประท้วงกัน ตีกัน ถ้าทรัมป์ชนะเลือกตั้ง พวกผิวสีและผู้คนที่ประท้วงกันอยู่ตอนนี้คงไม่ยอม ซึ่งคนพวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ในเมือง มีแต่เสียงแต่ไม่มีอาวุธ และยังถือว่าไม่ใช่จำนวนประชากรหลักของอเมริกา

ถ้าทรัมป์แพ้เลือกตั้ง พวกคนชั้นกลางและคนมีฐานะที่มีเลือกสวนไร่นาอยู่ในชนบทก็คงไม่ยอม พวกนี้มีอาวุธทั้งนั้น การซื้อขายอาวุธในสหรัฐฯทำได้อย่างเสรี ผู้สนับสนุนในซีกนี้จำนวนไม่น้อยบ้าทรัมป์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู พวกเขาเชื่อว่า “ทรัมป์คืออัศวินเท็มปร้า”  ถ้าทรัมป์แพ้ คนซีกนี้มีแนวโน้มว่าจะมีการประท้วง และถ้าหากมีการปะทะกัน สหรัฐฯจะเละขนาดไหน   ความแตกแยกในประเทศที่เกิดขึ้น คือเนื้อแท้แห่งความเกลียดชังรังเกียจเหยียดหยาม ที่มนุษย์มีต่อเพื่อนมนุษย์ ที่กลบเกลื่อนด้วยภาพของ วีระบุรุษ ฮีโร่  เป็นความแตกแยกของคนอเมริกันที่เลวร้ายที่สุดหลังสงครามกลางเมืองรบกันเหนือ–ใต้ที่ผลประโยชน์เป็นตัวขับเคลื่อน

การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะถึง คนอเมริกันที่อยากได้ความเป็นมหาอำนาจแบบเดิมๆคืนมา (อเมริกาคือฮีโร่ อเมริกาคือตำรวจโลก ผู้พิทักษ์ความถูกต้องชอบธรรมของโลกแบบอเมริกัน) จะเลือกโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต, 

คนอเมริกันที่ยึดถือความเชื่อแบบอเมริกันชน ว่าถูกต้องสูงสุด เปิดเผยตนเองอย่างเสรีเป็นสิ่งที่มีเกียรติสูงสุด ไม่จำเป็นต้องญาติดีกับศัตรู ไม่ต้องนอบน้อมกับใคร เพราะอเมริกายิ่งใหญ่ ทุกอย่างแบบอเมริกันดีที่สุดในโลก-ชาตินิยมสุดโต่ง  จะเลือกโดนัลด์ ทรัมป์

โลกหลังการเลือกตั้งปธน.สหรัฐ-จุดชี้ขาดสงครามโลกครั้งที่ 3

กลยุทธ์ทางการเมืองระดับโลกของสหรัฐฯ ตลอดเวลาที่ผ่านมา จะต้องสถาปนาศัตรูคนใดคนหนึ่ง หรือประเทศใดประเทศหนึ่งเพื่อให้คนอเมริกัน 300 กว่าล้านมีความรู้สึกต่อต้านอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตามประวัติศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ ก็จะพบว่าสหรัฐฯสร้างให้รัสเซีย อิรัก อิหร่าน เกาหลีเหนือ อัฟกานิสถาน โดนชาวโลกเกลียดชังขั้นสุดเสียก่อน แล้วถึงค่อยเล่นงาน จนบัดนี้ทุกอย่างที่กล่าวหาประเทศอื่นไม่มีความจริงรองรับสักเรื่องเดียว-และทรัพย์สมบัติที่อ้างว่ายึดจากจอมเผด็จการก็ไม่เคยถูกส่งคืนแก่ประชาชนประเทศนั้นๆเลย

คำถามคือ พรรคเดโมแครต และพรรครีพับลิกัน ต่างกันอย่างไร ทั้งอุดมการณ์ วิสัยทัศน์ นโยบาย อาจแตกต่างทางยุทธวิธี และไม่เคยแตกต่างทางยุทธศาสตร์ในการครอบโลก  ทุกวันนี้แม้ในประเทศไทย สังคมไทยได้เห็นความปั่นป่วนวุ่นวายที่มีเป็นระลอก ชัดเจนใกล้บ้านและในบ้านเมืองของเรา  ขบวนการแทรกแซง แบ่งแยกแล้วยึดครอง กระทำผ่านเครื่องมือทันสมัยที่สร้างสรรค์โก้หรู และเราไม่อาจปฏิเสธการเข้าไปมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงชีวิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้(อินเตอร์เน็ต, แพลตฟอร์ม, แอพพลิเคชั่น -โลกเสมือนจริงทั้งปวง)  แต่เราสามารถเรียนรู้เท่าทันกระแสคุกคามเหล่านี้ได้ 

โลกนี้จะต้องเผชิญภัยสงครามเชิงพื้นที่หรือไม่ ยังไม่รู้  แต่เรากำลังอยู่ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยี สงครามความคิด ถูกบีบบังคับให้เลือก ซึ่งดำเนินเงียบๆมาต่อเนื่องและวันนี้เปิดฉากเต็มพิกัดแล้ว?!?