ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค. ตอนหนึ่งว่า
ในที่ประชุมปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ประจำวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 67 ราย แบ่งเป็น ติดเชื้อในประเทศ 58 ราย ในจำนวนนี้เกี่ยวเนื่องกับ จ.สมุทรสาคร 55 ราย เกี่ยวเนื่องกับ จ.ตาก 1 ราย และไปสถานที่ชุมชน 2 ราย อยู่ในสถานกักกันตัวของรัฐ 8 ราย และเป็นผู้เดินทางมาโดยไม่เข้าสถานกักกันตัวของรัฐ ซึ่งเป็นชาวกัมพูชา 1 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 5,829 ราย โดยติดเชื้อในประเทศ 3,895 ราย ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าวจากการคัดกรองเชิงรุก 1,273 ราย และผู้เดินทางจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ 1,402 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 79,051,126 ราย เสียชีวิตสะสม 1,737,513 ราย
ปลัด สธ.ยังรายงานด้วยว่า สำหรับการตรวจพบเชื้อในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จะอยู่ที่ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร โดยมีปริมาณสัดส่วนการติดเชื้อประมาณ 40-50% พื้นที่ใกล้เคียงกับตลาดกลางกุ้ง มีสัดส่วนติดเชื้อ 5-10% ถัดออกมาวงนอกตลาดกลางกุ้ง มีสัดส่วนติดเชื้อ 1-2% และพื้นที่ที่เหลือของจังหวัด มีสัดส่วนติดเชื้อน้อยกว่า 1% ถ้าเราจำกัดวงตรงนี้ได้อย่างดี จะทำให้เราควบคุมพื้นที่ตรงนี้ได้
ขณะที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) รายงานว่า ในพื้นที่ตลาดกลางกุ้งที่มีการแพร่ระบาดมีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ มีผู้อาศัย 4,000 คน เป็นต่างด้าว 3,800 คน และคนไทย 200 คน โดยได้วางกำลังเพื่อป้องกันการหลบหนี ส่วนพื้นที่อื่นที่มีการจัดชุดตรวจอย่างเข้มงวด อีกทั้งยังได้จัดวางกำลังดูแลบริเวณตามแนวชายแดนป้องกันการลักลอบเข้ามา จำนวน 55 จุด ที่ จ.กาญจนบุรี ตาก เชียงราย ระนอง และสงขลา โดยนายกฯได้สั่งการว่าให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศโดยสูงที่สุด อย่างไรก็ตาม เรายืนยันว่าเราดูแลแรงงานต่างด้าวที่มาทำงานในประเทศใกล้เคียงคนไทย หากใครอยู่ในเกณฑ์ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อหรือมีความเสี่ยงสามารถเข้าตรวจหาเชื้อได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ วันที่ 22 ธันวาคม 63 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยพล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่กว่า 300 นาย เพื่อออกตรวจตราป้องกันแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาตามสถานประกอบการโดยผิดกฎหมายในเขตพื้นที่กทม. และปริมณฑล เพื่อป้องกันแรงงานต่างด้าวที่แอบลักลอบเข้าเมือง และอาจมีเชื้อโรคเข้ามาแพร่กระจายในประเทศ
พ.ต.อ.จิรพงศ์ กล่าวว่า ได้รับเบาะแสจากประชาชนและภาคธุรกิจต่างๆ ว่าในพื้นที่ไข่ขาวคือรอบๆ จังหวัดสมุทรสาคร อาจจะมีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาปะปน จึงประสานกระทรวงแรงงาน สาธารณสุขจังหวัด โดยมีชุดปฏิบัติ จำนวน 6 ชุดเข้าตรวจสอบในจุดต่างๆ ทำให้สามารถจับกุม แรงงานต่างด้าวได้จำนวน 61 ราย แบ่งเป็น พม่า 54 ราย กัมพูชา 4 ราย และลาว 3 ราย เป็นความผิดฐานหลบหนีเข้าเมือง 51 ราย
อยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนดอนุญาต 9 ราย และไม่แจ้งที่พักอาศัยภายใน 90 วัน 1 ราย ทั้งหมดได้ดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนมาตรฐานโดยกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับมาตรการโควิด-19 ไม่พบว่ามีบุคคลใดมีลักษณะเข้าข่ายติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด หลังจากนี้จะดำเนินการตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ก่อนผลักดันออกนอกประเทศ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้อยู่บริเวณพรมแดนเพื่อรอการผลักดันออกต่อไป
ส่วนมาตรการเร่งด่วนขณะนี้ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จะร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และกระทรวงแรงงาน ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจะมีการผ่อนผันดำเนินคดีกับกลุ่มแรงงานต่างด้าว ทั้งผู้ที่หลบหนีเข้าเมืองก่อนหน้านี้ และผู้ที่เอกสารประจำตัวหมดอายุ เพื่อให้แรงงานต่างด้าวออกมาแสดงตน เข้าสู่กระบวนการตรวจคัดกรองโรค ซึ่งเชื่อว่า ผู้ประกอบการจะให้ความร่วมมือ นำแรงงานผิดกฎหมายออกมาแสดงตัว ลดปัญหาการทิ้งแรงงานต่างด้าว เหมือนกรณีก่อนหน้านี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนโรค และกักตัวเป็นเวลา 14 วัน หลังผลตรวจเชื้อไม่พบเป็นโรคโควิด-19
ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวต่อว่า ขณะนี้จะเพิ่มมาตรการป้องกัน ไม่ให้มีผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมายรายใหม่ พร้อมเร่งสืบสวนสอบสวนถึงขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐ หรือพลเรือน เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ เนื่องจาก ยังอยู่ระหว่างการสืบสวน แต่หากพบเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง จะดำเนินคดีอาญาโดยไม่ละเว้น
ส่วนกรณีข่าวลือแรงงานตกค้างหน้าด่านชายแดนเมียนมานั้น ยืนยันว่า เป็นเพียงการกักตัว 14 วัน เพื่อรอผลักดันส่งกลับ ยืนยันว่า ไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน มีความร่วมมืออันดีต่อกัน
