จากกรณีที่ผู้สมัครนายก อบจ. ของคณะก้าวหน้าพ่ายแพ้ทุกสนามทั้ง 42 จังหวัด แม้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า จะลงทุนเดินทางทั่วไทย ไปหาเสียงจนโดนประชาชนขับไล่ด้วยตัวเอง
ซึ่งต่อมานายธนาธร ก็รีบออกมาแถลชี้แจงขอโทษต่อแฟนคลับที่เทคะแนนเสียงให้ แม้ว่าจะพ่ายแพ้แบบราบคาบ โดยนายธนาธรได้ชี้แจงว่า
ใน42จังหวัดที่คณะก้าวหน้าส่งผู้สมัครแข่งขันนั้นไม่สามารถช่วงชิงตำแหน่งนายกอบจ.มาได้แม้แต่จังหวัดเดียว โดยมีปัจจัยมาจากการทำงานของเราที่ยังไม่หนักพอ ขอโทษประชาชนที่สนับสนุนพวกเราในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา แม้ว่าตำแหน่งนายกอบจ.จะไม่ได้มา แต่ก็ไม่ได้หมายความเราไม่ได้ประสบความสำเร็จเลย โดยเราได้รับคะแนนทั้งหมดประมาณ 2,670,798 คะแนน ขอขอบคุณทุกคะแนนที่มอบให้เรา
นายธนาธร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เราได้สมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) จำนวน 55 คนจาก 18 จังหวัด และได้มีส่วนร่วมผลักดันให้สังคมได้รับรู้ถึงความสำคัญถึงการทำหน้าที่ของท้องถิ่น ทั้งนี้ ผลคะแนนการเลือกตั้งนายกอบจ.ใน 42 จังหวัดของคณะก้าวหน้าเมื่อนำมาเทียบกับคะแนนเลือกตั้งของพรรคอนาคตใหม่ใน 42 จังหวัด เมื่อปี 2562 ถือว่าไม่ได้ลดลง โดยพรรคอนาคตใหม่ได้ 3,183,163 คะแนน คิดเป็น 16.2 % จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 19,629,451 คน ขณะที่ คณะก้าวหน้าได้ 2,670,798 คะแนน คิดเป็น 17% จากจำวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 15,730,841 คะแนน ประกอบกับการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักกรและนอกเขตเลือกตั้ง ดังนั้น คะแนนที่ปรากฎออกมาทำให้เรายังรักษาเอาไว้ได้ ซึ่งนับจากนี้พวกเราจะสนับสนุนการทำงานของสจ.ทุกคนเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหารให้เต็มที่
และที่สำคัญคือการที่ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ในปี 2564 คณะก้าวหน้าจะทำงาน 3 ด้าน ได้แก่ 1.ทำงานการเมืองท้องถิ่นในระดับพื้นฐานต่อเนื่อง 2.ขับเคลื่อนรณรงค์ในประเด็นทางการเมืองระดับชาติ 3.ตรวจสอบและเสนอการทำงานของอบจ.ผ่านสจ. ขอเชิญคนรุ่นใหม่ร่วมการเลือกตั้งเทศบาลและระดับองค์การบริหารส่วนตำบล
“พวกเราจะขับเคลื่อนเรื่องที่เราทำมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ คือ การปักธงทางความคิด เช่น รัฐธรรมนูญ สถานการณ์ทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปกองทัพ กระบวนการยุติธรรมและสถาบัน ทั้งหมดเป็นแนวทางการทำงานของเราในปี 2564 อย่าเพิ่งหมดหวังและกำลังใจ การสร้างประเทศไทยต้องใช้เวลาอีกยาว เราต้องเดินหน้าไปด้วยกัน และสุดท้ายขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยเป็นพลังให้กับคณะก้าวหน้า ขอให้ทุกคนเดินทางร่วมกันต่อไปครับ ” นายธนาธร กล่าว
และต่อมา นายธนาธร ยังได้ตอบคำถามของสื่อมวลชน โดยคำถามที่สำคัญก็คือ ผลคะแนนการเลือกตั้งที่ออกมาเป็นผลมาจากพูดถึงเรื่องปฏิรูปสถาบันหรือไม่ นายธนาธร ตอบว่า “ในสังคมไทยยังมีคนปวดใจเมื่อพูดถึงสถาบัน แต่อีกด้านหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีคนเรียกร้องถึงเรื่องนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีผลกระทบแน่นอน แต่จะมีมากน้อยเท่าไหร่ต้องรอดูผลการเลือกตั้งรายหน่วย แต่ตลอดการเลือกตั้งเราถูกใส่ร้ายอย่างไม่เป็นธรรม เราเหมือนถูกหมัดมือและชกฝ่ายเดียว เราขอโทษตัวเราเองที่ยังอธิบายกับสังคมได้ไม่ชัด”
จากการให้สัมภาษณ์ของนายธนาธร ดูเหมือนว่าผลคะแนนความนิยมที่หายฮวบจะไม่ทำให้นายธนาธรคิดได้เลยว่า คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศนั้น ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของนายธนาธร โดยเฉพาะการที่คนออกมาขับไล่นายธนาธรและพรรคพวกทุกพื้นที่ที่ได้ลงหาเสียง เท่ากับว่ามีคนมากมายไม่เห็นด้วยกับการที่นายธนาธรให้การสนับสนุนหรือชักจูงผู้คนในการก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี ได้โพสข้องความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
“อ้างอุดมการณ์เพื่อทำลายความศรัทธาคนในชาติ ใช้เงินทุน(ตั้งพรรค) อ้างเสรีภาพ(ม็อบ)สร้างความเกลียดชัง คนไทยจึงให้บทเรียน”