อ.ชูชาติ ชี้ กรรมกำลังพิพากษาพวกชังชาติ ลั่น คนไทยไม่อาจยอมรับพวกคิดล้มล้างสถาบันได้

2738

อ.ชูชาติ อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ชี้กรรมกำลังตามสนองพวกชังชาติ ลั่น อารยชนไม่อาจยอมรับพวกคิดล้มล้างสถาบันได้

จากกรณีที่ม็อบคณะราษฎร ได้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยจัดการชุมนุมทั่วประเทศ ซึ่งชู 3 ข้อเรียกร้อง นั่นก็คือ ให้นายกรัฐมนตรีลาออก แก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบัน ซึ่งท่าทีของการชุมนุมมุ่งโจมตีไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด โจมตีในเรื่องของทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยมีการประกาศชุมนุมที่หน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ก่อนที่จะเปลี่ยนที่ชุมนุมไปที่หน้าไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ โดยอ้างว่าจะทวงคืนเงินของแผ่นดินกลับคืนสู่ราษฎร

ซึ่งต่อมา ก็ได้มีการดีเบตในรายการชื่อดังระหว่าง ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กับรุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม หนึ่งในภาคีกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า คณะราษฎร 2563 ถึงกรณีพ.ร.บ.ทรัพย์สินมหากษัตริย์ 2560 ซึ่งเป็นที่วิพากษืวิจารณ์กันเป็นจำนวนมากว่า แกนนำกลุ่มคณะราษฎรนั้น ไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับทรัพย์สินพระมหากษัตริย์เลย แต่มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องเรื่องของทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ทั้งๆที่ขาดความรู้ความเข้าใจ ซึ่งคาดว่า อาจจะมีข้ออ้างเพื่อมุ่งหวังเพื่อโจมตีสถาบันโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ การเคลื่อนไหวของกลุ่มคณะราษฎรก็มีท่าทีที่จะต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ปิดล้อมขบวนเสด็จ พ่นสี เขียนข้อความที่เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ล้อเลียนสถาบันมาตลอด จนทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมาย ม.112 ซึ่งก่อนหน้านี้มิได้มีการนำกฎหมาย ม.112 มาใช้ แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น จนทำให้คนไทยส่วนใหญ่ที่จงรักภักดีต่อสถาบันทนไม่ไหว จึงทำให้มีการเรียกร้องดำเนินการม.112 ต่อแกนนำและผู้ชุมนุม จนรัฐบาลได้ออกมาประกาศใช้กฎหมายทุกมาตราต่อแกนนำม็อบ ซึ่งก็มีการออกมาต่อต้าน เรียกร้องให้ยกเลิก ม.112 เพราะอ้างว่า  เป็นกฎหมายที่รังแกประชาชน

ต่อมาแกนนำหลายคนก็ถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 ไม่ว่าจะเป็น นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ สิทธิจิรวัฒนกุล ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก มายด์ ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล น.ส.วรรณวลี เอมจิตต์ นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง และอีกหลายคน นอกจากนี้ แม่ยกม็อบอย่าง ทราย เจริญปุระ ก็โดนข้อหา ม.112 ด้วย

ซึ่งทางด้านของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่มีการเคลื่อนไหว และเป็นหัวเรือในการปฏิรูปสถาบัน โดยเป็นการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับผู้ชุมนุม ซึ่งประชาชนทราบกันดีอยู่แล้วว่า นายธนาธร เป็นผู้ที่ออกมาต่อต้านสถาบันมาตั้งแต่ต้น ส่งผลทำให้การลงหาเสียงเลือกตั้งของนายธนาธร ถูกต่อต้านจากคนในพื้นที่หลายครั้ง โดยจะเห็นว่าจากการลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งในแต่ละครั้ง นายธราธร ได้เดินทางไปช่วยผู้สมัครหาเสียง ก็มีการเปิดเพลงหนักแผ่นดินให้ฟัง หรือแม้กระทั่งตะโกนไล่ ชูป้ายถามไปถึงว่า ทำไมต้องจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์, ทำไมต้องอยากปฏิรูปสถาบันฯ เป็นต้น ซึ่งนั่นก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจ เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ปรากฎว่า ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกฯอบจ.ของคณะก้าวหน้า แพ้ทุกจังหวัด ซึ่งก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของหลายคนว่า น่าจะมีผลมาจากการที่นายธนาธรออกมาต่อต้านสถาบัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนไทยส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยกับนายธนาธร

ล่าสุดทางด้าน อ.ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีของกลุ่มที่ออกมาโจมตีสถาบัน โดยระบุข้อความว่า

บุคคลใดรักใครหรือเคารพใครหรือรักเคารพใครหรือไม่ เป็นสิทธิโดยชอบกฎหมายของแต่ละคน ผู้หนึ่งผู้ใดจะมาบังคับไม่ได้
แต่ก็ไม่มีสิทธิใดๆ ที่จะล้อเลียน เยาะเย้ยถากถาง กล่าวถ้อยคำดูหมิ่น หรือใส่ความหมิ่นประมาทบุคคลอื่น
ถ้ามีบุคคลหนึ่งบุคคลใดมากล่าวล้อเลียน เยาะเย้ยถากถาง กล่าวถ้อยคำดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาทเรา
ทั้งถ้ากระทำต่อพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายของเรา เราจะรู้สึกอย่างไร พอใจหรือไม่
บุคคลอื่นๆ ที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ก็มีความรู้สึกนึกคิดไม่ต่างจากเรา
การมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังกระทำการดังที่กล่าวมาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระบรมราชินี ฯลฯ
ทั้งๆ ที่ทุกพระองค์ไม่เคยทรงกระทำการใดๆ ให้บุคคลใดหรือบุพการีของใครเดือดร้อนอะไรเลย
สงสัยว่าผู้ที่กำลังกระทำๆ โดยความประสงค์ของตนเองหรือมีผู้ใดอยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าวและต้องการหวังผลอะไรจากการกระทำเช่นนี้
แต่ไม่ว่ากระทำด้วยเหตุผลอะไร กรรมที่กำลังกระทำอยู่ ณ เวลานี้ ผู้ที่เป็นอารยชนไม่อาจยอมรับได้ จะต้องสนองตอบต่อผู้กระทำอย่างแน่นอน
กฎแห่งกรรมดีและกรรมชั่วย่อมไล่ตามตอบสนองผู้กระทำอย่างยุติธรรมเสมอ หลบหนีอย่างไรก็ไม่พ้น อาจเร็วหรือช้าหรือผลที่ได้รับจะเป็นอย่างไรก็คอยดูกันต่อไป