จากที่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แถลงถึงผลการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภา อบจ.ของคณะก้าวหน้า ใน 42 จังหวัด ไม่สามารถช่วงชิงตำแหน่งนายก อบจ. มาได้เลยสักจังหวัดมีปัจจัยอื่นมากมาย
“แต่ปัจจัยสำคัญที่สุดเป็นเพราะการทำงานไม่หนักพอ ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ขอโทษพี่น้องประชาชนทุกคนด้วย พวกเราผิดหวังและเสียใจ ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ 42 จังหวัด เราได้รับคะแนนไว้วางใจ 2,670,798 คะแนน ขอขอบคุณทุกคะแนนที่ไว้วางใจมอบให้ นอกจากนี้ พวกเรายังช่วงชิงตำแหน่งสมาชิกสภา อบจ. ได้ 55 คน 18 จังหวัด”
ทั้งนี้นายธนาธร ยังกล่าวว่า เมื่อเอาผลการเลือกตั้ง อบจ. มาเทียบกับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. ของพรรคอนาคตใหม่ใน 42 จังหวัด เมื่อปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ได้ 3,183,163 คะแนน คิดเป็น 16.2 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 19,629,451 คน ขณะที่ในปี 2563 คณะก้าวหน้าได้ 2,670,798 คะแนน คิดเป็น 17 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 15,730,841 คน ได้คะแนนดิบน้อยลง แต่ถ้าดูเปอร์เซ็นต์ได้เพิ่มเป็น 17 เปอร์เซ็นต์
ล่าสุดวันนี้ (22 ธ.ค.63) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มไทยภักดี ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงนายธนาธร ลงในเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า # นี่คือธนาธร ก่อนลงสนามการเมืองท้องถิ่น นายธนาธรให้เหตุผลที่ต้องส่งผู้สมัครนายก อบจ.เป็นจำนวนมากถึง 42 จังหวัด รวมทั้งสมาชิกอบจ.อีก 1000คนโดยอ้างว่า “ถ้าเราไม่ส่ง ฝ่ายประชาธิปไตยไม่มีตัวเลือก” และประกาศล้มการเมืองบ้านใหญ่ จนประเมินกันว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นจะส่งผลต่อการเมืองระดับชาติ
ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ประชาชนเข้าใจว่า นายธนาธรนั้น มีส่วนได้เสียกับม็อบ ที่ประชาชนเข้าใจ คือขบวนการล้มล้างสถาบัน หลายครั้งนายธนาธรไปร่วมกับม็อบ พร้อมกับข้อความที่ยุยงปลุกปั่นเช่น #หยุดคุกคามประชาชน หรือแม้แต่ #สู้เป็นไทถอยเป็นทาส
ในช่วงที่ผ่านมา ม็อบมีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ จนประชาชนรู้สึกอึดอัดและไม่อดทน ด้วยการเป็นผู้ไปแจ้งความดำเนินคดีมาตรา112 กับแกนนำม็อบ ปฏิกิริยาดังกล่าว ส่งผลถึงความไม่พอใจ ต่อนายธนาธรและคณะ เมื่อลงพื้นที่หาเสียงช่วยการเลือกตั้ง
ความไม่พอใจต่อนายธนาธร ได้พัฒนาไปสู่ ปรากฏการณ์ขับไล่นายธนาธร ครั้งแรกเกิดขึ้นระหว่างนายธนาธร ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายกอบจ.ที่จังหวัดสมุทรสงคราม คลิปดังกล่าวได้เผยแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
จนเกิดกระแสในโซเชียล ที่เป็นรูปแบบให้ประชาชน ที่ไม่พอใจนายธนาธรและม็อบเอาเป็นแบบอย่าง จากเผชิญหน้า ต่อว่า ใช้แผ่นป้าย ไปสู่เพลงหนักแผ่นดิน
ไม่ว่านายธนาธรจะไปลงพื้นที่ ช่วยหาเสียงจังหวัดใด ก็จะได้รับกระแสต่อต้านจากประชาชน เปิดหน้าขับไล่ พร้อมกับเพลงหนักแผ่นดิน คลอบคลุมทุกภาคของประเทศ จังหวัดที่ฮือฮามากที่สุดคือระยอง ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช แต่ดูแล้วแทนที่นายธนาธรจะสำนึก เพราะมีการจาบจ้วงสถาบันฯ กลับประกาศจะดำเนินคดีประชาชนกลุ่มต่างๆ
จนกระทั่งยิ่งเข้าใกล้วันเลือกตั้ง การต่อต้านนายธนาธรยิ่งพัฒนา ทั้งในพื้นที่จริง และกระแสโซเชียล ที่มีการปลุกกระแส ไม่เลือกพวกล้มเจ้า แต่นายธนาธรกลับไม่แคร์ มีการคาดการณ์โดยคนของกลุ่มก้าวหน้าว่า จะชนะนายกอบจ.มากถึง 10 จังหวัด หรือบางแบนเนอร์ ประกาศชนะแบบแลนด์ไสลด์ เล่นเอาต่างฝ่ายต่างลุ้นผลเลือกตั้ง
และแล้วเมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ปรากฏว่าทุกอย่างเกินคาดมากๆ นั่นคือไม่ได้ตำแหน่งนายกอบจ.แม้แต่จังหวัดเดียว ส่วนสมาชิกอบจ.ได้มา 57 คน จากยอดส่งถึง 1000 คน บางจังหวัดสมาชิกสมัครเพียงคนเดียว ผลการเลือกตั้งสะท้อน ความคิดอะไรบางอย่าง ของประชาชนผู้ใช้สิทธิ์ นั่นคือประชาชนลงโทษพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันฯ
แทนที่นายธนาธรจะสำนึก ต่อผลเลือกตั้งที่เกิดขึ้น พบว่าข้อความแรกนายธนาธรสื่อออกมาคือ “ผลการเลือกตั้งอบจ.นี้ แสดงให้เห็นว่าคนไทยยังไม่ยอมเปิดใจ และยังไม่พร้อมสำหรับอนาคตที่ดีกว่า” เท่ากับว่า นายธนาธรตำหนิประชาชน แต่โพสต์ดังกล่าวก็ต้องลบออกไปไม่นานหลังจากที่โพสต์
แม้ล่าสุดนายธนาธร จะออกมาแถลงข่าว ถึงผลเลือกตั้งท้องถิ่นที่เกิดขึ้นว่า เมื่อมาเทียบกับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ใน 42 จังหวัด ในปี 2562 พวกเราได้คะแนนดิบน้อยลง แต่ถ้าดูเปอร์เซ็นต์จะเห็นว่าปี 2563 เราได้เพิ่มเป็น 17% หนึ่งปีกว่าที่ผ่านมาคะแนนนิยมไม่ลดลงเลย
ไม่ว่านายธนาธรจะปลอบใจตนเอง และพวกพ้องว่าคะแนนนิยมไม่ลด สิ่งที่นายธนาธรต้องไม่ปฏิเสธนั่นคือ ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ “แพ้ยับเยิน” ประชาชนส่วนใหญ่ลงโทษ กลุ่มการเมืองที่จ้องจาบจ้วง จ้องล้มล้างสถาบันฯ และสั่งสอนให้ปรับวิธีคิดใหม่เรื่องสถาบันฯ แต่ถ้ายังดื้อดึง ไม่ยอมรับการสั่งสอนของประชาชนรอบนี้ ครั้งหน้าอาจเจอการสั่งสอนที่หนักกว่าเดิม