“ธนาธร” ดิ้นพล่าน พ่ายเลือกตั้งอบจ. โวยโดนมัดมือชก ไม่ให้พูดเรื่องสถาบันฯ

5156

หลังจากที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้มีการแถลงสรุปผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุกล่าวว่า ใน 42 จังหวัดที่คณะก้าวหน้าส่งผู้สมัครแข่งขันนั้นแต่เราไม่สามารถช่วงชิงตำแหน่งนายกอบจ.มาได้แม้แต่จังหวัดเดียว

โดยมีปัจจัยมาจากการทำงานของเราที่ยังไม่หนักพอ ขอโทษประชาชนที่สนับสนุนพวกเราในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา แม้ว่าตำแหน่งนายกอบจ.จะไม่ได้มา แต่ก็ไม่ได้หมายความเราไม่ได้ประสบความสำเร็จเลย โดยเราได้รับคะแนนทั้งหมดประมาณ 2,670,798 คะแนน ขอขอบคุณทุกคะแนนที่มอบให้เรา

พร้อมเอ่ยขอโทษที่ไม่สามารถเข้าไปเป็นนายกอบจ.ได้แต่เราได้แสดงให้เห็นถึงการสร้างการเมืองแบบใหม่แล้ว ดังนั้น ทุกคะแนนที่เราได้มาจึงเป็นคะแนนที่บริสุทธิ์ เราภาคภูมิใจในการทำงานหลายเดือนที่ผ่านมาท่ามกลางอุปสรรคมากมาย


ทั้งนี้ได้มีประเด็นที่นายธนาธร กล่าวไว้ด้วยว่า หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าหลังจากนี้ต่อไปพวกเราจะก้าวเดินต่อไปอย่างไร ? ตนเรียนว่าพวกเราคณะก้าวหน้า รวมถึงผู้สมัครนายก อบจ. และ ส.อบจ. ของพวกเราจะยังก้าวเดินต่อไป เพื่อสร้างประเทศไทยที่ดีกว่านี้ ที่เป็นของประชาชนต่อไปในปี 2564 อย่างไม่ย่อท้อ แน่วแน่ หนักแน่น มีพลังเหมือนเดิม

อย่างแรกที่สุด 1. เราจะสนับสนุน เสนอแนะ และช่วยตรวจสอบการทำงานของ อบจ.ผ่านกลไก ส.อบจ. ที่พวกเราได้รับเลือกเข้าไป

2. เราจะทำงานการเมืองในระดับพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นระดับเทศบาลหรือ อบต. ต่อไป ในโอกาสนี้ตนขอเชิญชวนคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมกับพวกเรา เราตั้งใจจะนำนโยบายมาทำต่อในระดับเทศบาลและระดับ อบต. เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าท้องถิ่นของเรา ชุมชนของเรามีศักยภาพที่จะไปไกลมากกว่านี้

3. พวกเราไม่ได้ตั้งใจทำงานในระดับท้องถิ่นอย่างเดียว เราจะเดินหน้าขับเคลื่อนในสิ่งที่เราทำมาสมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ต่อไป นั่นคือการรณรงค์ปักธงทางความคิดการเมืองที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระบวนการและเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ว่าจะเป็นต่อสถานการณ์การเมือง การปฏิรูปกองทัพ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม รวมถึงการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เราจะยังรณรงค์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง นั่นคือแนวทางการทำงานของเราในปี 2564


เมื่อผู้สื่อข่าวมีคำถามว่า ผลคะแนนการเลือกตั้งนายกอบจ. ที่ออกมาเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้าตัวและปิยบุตรพูดเรื่องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ใช่หรือไม่

ซึ่งนายธนาธร ระบุว่า เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีคนรู้สึกเจ็บปวดที่มีการพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และการพูดของเราส่งผลต่อคะแนนไม่มากก็น้อย แต่ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีคนจำนวนมากเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งการพูดเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มาดร้าย อธิบายถึงเหตุผลว่าการปฏิรูปเท่านั้นที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนได้ จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับสังคมไทยและประชาธิปไตยได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

อย่างไรก็ตามธนาธรได้ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า “ผมเรียนพ่อแม่พี่น้องประชาชน ว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ พวกเราถูกใส่ความ พวกเราถูกโจมตีอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งภายใต้กฎหมายการเลือกตั้งเราไม่สามารถใช้สถาบันพระมหากษัตริย์มาหาเสียงมารณรงค์ได้ ดังนั้นเราเหมือนถูกมัดมือชกอยู่ฝ่ายเดียวกับเรื่องนี้ในตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา”

และเมื่อหากย้อนไปก่อนหน้านี้ที่นายธนาธรลงพื้นที่หาเสียงในจังหวัดพังงา ได้มีผู้ใช้เฟชบุ๊กชื่อ Anupong Thammarong ไลฟ์สดขณะขับรถกระบะ นำญาติพร้อมลูกหลานเป็นเด็ก ๆ ไปจอดรถที่บริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.เกาะปันหยี อ.เมืองพังงา หลังจากทราบข่าวว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวไกล พร้อมทีมงานไปพักเพื่อวางแผนลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง อบจ.พังงา เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา

ก่อนจอดรถถนนหน้าโรงแรมแล้วลงไปตะโกนขับไล่ “ธนาธรออกไป” โดยมีบรรดาเด็ก ๆ ที่นั่งมาในท้ายรถกระบะร่วมตะโกน”ธนาธรออกไป”ด้วย สักพักหนึ่งมีทีมงานของนายธนาธร เดินออกมาดู และสอบถามที่มาที่ไป ซึ่งเจ้าตัวก็อธิบายว่า มาขับไล่ธนาธรเพราะสร้างความปั่นป่วนให้กับการเมือง โดยเฉพาะการบอกว่าจะปฏิรูปสถาบัน เพราะตนรักเทิดทูนสถาบันมาก จึงยอมไม่ได้

ขณะที่ทีมงานนายธนาธร ชี้แจงว่าขอความเห็นใจด้วยเพราะตนก็เป็นเจ้าของบ้านเหมือนกัน แต่เจ้าของเฟชบุ๊กยืนยันว่า ตนยอมรับในสิ่งที่นายธนาธรพูดและทำไม่ได้ เรื่องการเมืองจะอย่างไร ตนไม่ขอยุ่งเกี่ยว แต่อย่ามาเปลี่ยนแปลงสถาบัน ตนยอมไม่ได้

จากนั้นนายธนาธร จึงได้เดินทางเข้ามาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทางทีมงานจึงอธิบายให้ฟัง ขณะที่เจ้าของเฟชบุ๊ก ได้ถามนายธนาธรตามข่าวที่ออกบอกว่าอยู่เบื้องหลังม็อบ และการเปลี่ยนแปลงสถาบัน ซึ่งนายธนาก็รีบตอบแบบยิ้ม ๆ ว่า เป็นเพียงข้อกล่าวหาเท่านั้น ชายคนดังกล่าวจึงถามว่า ถ้าพี่เป็นนายกฯควรจะมีการปฏิรูปสถาบันหรือไม่ นายธนาธรพยักหน้าตอบว่า”ควรรับ” ชายคนเดิมจึงถามต่อว่า ควรเพราะอะไร ทางนายธนาธรจึงอธิบายเรื่องของการใช้เงินภาษี แต่ชายคนดังกล่าวก็สวนว่า เป็นเงินที่ประชาชนเต็มใจจ่าย

ในสังคมไม่มีเรื่องใดที่คนจะเห็นพ้องต้องกันหมด โดยเฉพาะเรื่องที่เห็นต่าง และต้องการจะหาทางออก แต่คนทุกคนก็มีสิทธิที่จะรณรงค์ทั้งเรื่องการให้มีโสเภณีผิดกฏหมาย การเอาหรือไม่เอากัญชา รวมทั้งเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ทุกคนมีสิทธิที่จะไปรณรงค์ชี้แจงกับประชาชนเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจหย่อนลงในกล่องลงคะแนน นี่คือวิธีการหาทางออกของสังคม ถ้าชอบก็ไปลงคะแนนให้ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องลงคะแนนให้ฃ

“ถ้าคุณไม่ชอบผม จะรณรงค์ไม่เลือกผมก็ได้ แต่การรณรงค์อย่าไปริดรอนสิทธิของคนอื่น โดยเฉพาะสิทธิเสรีภาพในการเดินทางของคุณหรือของผม จะริดรอนกันไม่ได้ หรือสิทธิในการแสดงออกก็ริดรอนไม่ได้ ดังนั้นถ้าคุณอยากเดินตลาดแล้วบอกว่าอย่าเลือกธนาธรก็ทำได้ หรือ ผมจะไปเดินตลาดแล้วบอกว่ามาเลือกธนาธรเถอะก็ย่อมทำได้ ต่างคนก็ต่างทำ แล้วให้ประชาชนติดสินในการเลือกตั้ง นี่คือกระบวนการที่ประเทศอารยะเขาทำกัน”


รวมทั้งการลงพื้นที่หาเสียงในจังหวัดนครศรีธรรมราชก็เช่นกัน ที่ธนาธรโดนขับไล่ เพราะพูดเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ และมีถ้อยคำที่ทำให้คนไทยจำนวนมากรับไม่ได้ จนถึงวันนี้ที่นายธนาธรและคณะก้าวหน้า ไม่ได้การยอมรับการประชาชน ซึ่งก็พิสูจน์ให้เห็นอย่างโปร่งใสผ่านการเลือกตั้งอบจ.แล้วว่า ไม่มีใครอยากให้ธนาธรหรือคณะก้าวหน้าบริหารบ้านเมืองอีกต่อไป