โลกล้อมไทย?!? สื่อนอกรวมหัวตีข่าวอ้างเฟซบุ๊กจะฟ้องรบ.??? โป๊ะแตกCNNลิงค์ข่าวปลิว หรือเหตุนี้ไม่บังเอิญบั่นทอนไทย!?!

2430

จากกรณี เฟซบุ๊ค เตรียมฟ้องรัฐบาลไทยฐานกดดันให้แบนกลุ่ม “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส” ซึ่งเผยแพร่ข่าวปลอม ใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาล และสถาบันฯ อ้าง ปิดกั้นการแสดงออกทางการเมือง และเฟซบุ๊กยืนหยัดจุดยืนปกป้องสิทธิในการแสดงออกของพลเมือง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?  ท่ามกลางการปั่นกระแสการเมืองเศรษฐกิจถาโถมใส่ประเทศไทยทั่วด้าน รมว.ดีอีเอสเผยไทยไม่ได้ฟ้องเฟซบุ๊ก ฟ้องเพจรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลสต่างหาก แพล็ตฟอร์มทุกชนิดที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ต้องปฏิบัติตาม ก.ม.ไทย และยังไม่เห็นเรื่องที่ว่าเฟซบุ๊กจะฟ้องร้องแต่อย่างใด 

ลำดับเหตุการณ์-ใครจุดประเด็นใครรับลูก 

10 สิงหาคม รัฐบาลไทย สั่งให้บล็อกกลุ่ม“รอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลส” (ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 16 เม.ย.) ที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและใส่ร้ายป้ายสีใครก็ตามที่เห็นต่าง และเผยแพร่ข้อมูลเท็จเรื่องสถาบันฯของไทย  ก่อตั้งโดย “นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์” ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งลี้ภัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีการเผยแพร่เนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง มีสมาชิกอยู่ราว 4 แสนคน ทำให้คนในประเทศไทยไม่สามารถเปิดเข้าไปดูในกลุ่มดังกล่าวได้ (ภายหลังเปิดกลุ่มใหม่ที่มีชื่อว่า “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง” เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ของวันที่ 25 ส.ค. 

ก่อนหน้านี้ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เตรียมดำเนินการทางกฎหมายกับ เฟซบุ๊ก หลังไม่ยอมบล็อกเนื้อหาทั้งหมดที่ทำผิดกฎหมายอย่างเด่นชัด และทางการได้เจรจา และทักท้วงหลายครั้ง ซึ่งเฟซบุ๊กเพิกเฉย หากเฟซบุ๊กไม่ลบหรือปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาที่ขัดต่อกฎหมายไทย อาจผิดกฎหมายมาตรา 27 ของ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ที่กำหนดไว้ว่า

“ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกวาจะปฏิบัติให้ถูกต้อง” ไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน ผิดโทษอาญา-โทษปรับ

19 สิงหาคม นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมด้วย นายสัจจะ โชคบุญส่งสวัสดิ์ รักษาการ ผู้อำนวยการกองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.กฤช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีผู้บริหารเพจเฟซบุ๊ก “รอยัลลิสต์ มาร์เกตเพลส” และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ 

25 สิงหาคม เฟซบุ๊ก กำลังดำเนินการกระบวนการทางกฎหมาย ฟ้องรัฐบาลไทยเรื่องพยายามจะแบนกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เกตเพลส  “หลังจากการตรวจสอบอย่างรอบคอบ Facebook ได้พิจารณาแล้วว่าเราถูกบังคับให้จำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่รัฐบาลไทยถือว่าผิดกฎหมาย ” โฆษก เฟซบุ๊ก ยังบอกด้วยว่า คำขอเช่นนี้ขัดต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และขัดต่อการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน เฟซบุ๊กได้รับแรงกดดันจากรัฐบาลไทยให้ จำกัดเนื้อหาทางการเมืองบางประเภทในประเทศโดยรัฐบาลขู่ว่าจะดำเนินคดีอาญากับตัวแทนของ เฟซบุ๊ก ในประเทศไทยด้วย

ท่าทีของสังคมสื่อข่าวสาร-รัฐบาล

นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เผย.-ปวิน ทำเพจ royalist marketplace สร้างความเสียหายให้ประเทศโดยไม่รับผิดชอบ ลั่นพร้อมให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการตามขั้นตอน แม้เฟซบุ๊กมีแผนที่จะฟ้องร้องพร้อมรับมือ

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ  มอบฝ่ายกฎหมายศึกษารายละเอียดกรณีเฟซบุ๊กเตรียมฟ้องรัฐบาลไทย หลังขอให้ปิดเพจมีเนื้อหาผิดกฎหมาย และทำร้ายจิตใจคนในชาติด้วยการใส่ร้ายป้ายสีต่อสถาบันฯอันเป็นที่เคารพสูงสุด  ยืนยันเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกม.ระหว่างประเทศ

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรณีเฟซบุ๊กเตรียมฟ้องรัฐบาลไทย กรณีสั่งบล็อก เพจ “รอยัลสิสต์มาร์เก็ตเพลส” ว่า  ไม่มีปัญหาอะไรตนทำตามกฎหมายและหลังจากนี้จะดำเนินการตามกฎหมายของเราต่อไปหากมีกรณีเช่นนี้อีกเราก็จะฟ้องเช่นเดิม แต่ขณะนี้ตนยังไม่เห็นว่าเฟสบุ๊กจะฟ้องที่ไหนอย่างไรแต่ยืนยันสิ่งที่เราดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายทุกเรื่อง อะไรที่ผิดกฎหมายเราก็ไม่เคยเพิกเฉย และนี่เป็นครั้งแรกที่เราดำเนินการไปถึงเจ้าของแพทฟอร์มที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลไทย 

เนื่องจากเราส่งคำสั่งศาลไปให้ลบเนื้อหาต่างๆที่ไม่ถูกต้องภายใน 15 วัน หากเขาไม่ดำเนินการเราก็ดำเนินการกับแพทฟอร์ม ถือเป็นการกดดันและทำตามกฎหมาย แต่หากเขาลบให้เราก็ไม่ดำเนินคดีเขา ส่วนที่เขาจะฟ้องกลับอย่างไรตนก็ยังไม่ได้ดูรายละเอียดแต่ก็ต้องยืนยันว่าประเทศไทยก็มีกฎหมาย “ไม่ว่าเป็นคนไทยหรือคนต่างประเทศเมื่อมาดำเนินธุรกิจต่างๆในประเทศไทยก็ต้องเคารพในกฎหมายไทยด้วย และที่เราทำก็ทำภายใต้กฎหมายไม่ได้รังแกใครเลยเพราะเป็นคำสั่งศาลทั้งสิ้น หากต่อไปมีอะไรผมก็จำเนินการตามคำสั่งศาลกับทุกแพทฟอร์มไม่ใช่แต่เฉพาะเฟสบุ๊ก ซึ่งที่ผ่านมาส่วนใหญ่เขาก็ลบให้” 

นายพันธุ์ศักดิ์ อาภาขจร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสื่อสาร  ให้มุมมองน่าสนใจว่า เรื่องนี้ถือเป็นสิทธิอันชอบธรรมของรัฐบาลไทยที่มีข้อกฏหมายครอบคลุมในเรื่องของการหมิ่นสถาบันฯ แม้ธุรกิจของเฟซบุ๊กจะเป็นธุรกิจไร้พรมแดน แต่เมื่อต้องเข้ามาประกอบกิจการในบ้านคนอื่นก็ควรที่จะต้องยอมรับในข้อกฎหมายที่มีการบัญญัติไว้ 

ฉะนั้นจะลอยตัวเหนือปัญหาไม่ได้เพียงเพราะคิดว่าตัวเองเป็นแค่แพลตฟอร์มหนึ่งของระบบออนไลน์ แต่แท้จริงแล้วการละเลยให้มีเพจที่โจมตีในเฟซบุ๊ก กลายเป็นปัญหาเรื้อรังในประเทศไทยมานานแล้วโดยเฟซบุ๊กต้องทำตามกฎหมายประเทศไทย และที่ผ่านมาก็ไม่เห็นการออกมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเสียที 

ส่วนกรณีที่เฟซบุ๊กจะฟ้องร้องกลับรัฐบาลไทยในประเด็นที่ว่าขัดต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรมที่จะเข้ามาตัดสินเรื่องนี้แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ การที่ปล่อยให้มีเพจหมิ่นสถาบันฯกลายเป็นชนวนปัญหาที่สร้างความวุ่นวายในประเทศไทย ฉะนั้น กระทรวงดีอีจะต้องออกมาทำอะไรบ้าง และหาทางแก้ไขอย่างจริงจังเสียที

เฟซบุ๊กเลือกปฏิบัติ-อ้างสิทธิเสรีภาพ หรืออาวุธทางการเมือง

ดร.ศุภณัฐ อภิณญาน หรือดร.นิว ได้เปิดโปง การเลือกปฏิบัติของเฟซบุ๊กว่า  “เฟซบุ๊กได้ทำการลบกว่า 790 กลุ่ม 100 เพจ และ 1,500 โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีสมคบคิด “QAnon” โดยกลุ่มหลักที่เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวมีสมาชิก 2 แสนคน ด้วยเหตุผลว่า กลุ่มดังกล่าวมีเนื้อหาที่ล้ำเส้น และเต็มไปด้วยการบูลลี่ที่เป็นการข่มเหงรังแก, การล่วงละเมิด, การใช้ประทูษร้ายทางวาจา หรือ hate speech และการแชร์ข้อมูลบิดเบือนที่ส่อไปในทางอ้นตราย แต่ไมเพียงเท่านี้ ยังปิดที่บัญชี instragram กว่า 10,000 บัญชีด้วย นอกจากบล็อกกลุ่ม QAnon แล้วยังบล็อก กลุ่ม Antifa หรือขบวนการต่อต้านฟาสซิสอีกด้วย

ในเมื่อ เฟซบุ๊คมองการบล็อกและจำกัดการเข้าถึง กลุ่มรอยัลลิสต์มาเก็ตเพลส เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งที่เนื้อในกลุ่มเต็มไปด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชนและความรุนแรง มีการบูลลี่ ล่วงละเมิด ใช้วาจาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และบิดเบือนใส่ร้ายพระมหากษัตริย์ไทย และปลุกระดมให้กระทำผิดกฎหมายอย่างโจ๋งครึ่ม จนมีคนต้องมารับเคราะห์เพราะถูกใช้เป็นเครื่องมือไม่ใช่น้อย

การที่เฟซบุ๊ก ลบและจำกัดการเข้าถึงเพจจำนวนในประเทศสหรัฐฯในช่วงเวลไล่เลี่ยกันคืออะไร หรือเฟซบุ๊กสนับสนุนการใช้โซเชียลมีเดียเป็นอาวุธ (Weaponization of Social Media) ในการแทรกแซงความมั่นคงและสร้างความแตกแยกในประเทศไทย?”

ทางเลือก-ทางรอดของสังคมไทย?

เป็นที่น่าสังเกตุว่า กรณีที่เฟซบุ๊กจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง ทำให้เกิดความสับสนในสังคมนั้นคนที่จุดประเด็นแรกคือ นสพ.รอยเตอร์, ซีเอ็นเอ็น และบิซซิเนสอินไซเดอร์ ลงเรื่องพร้อมกันว่าเฟซบุ๊กจะฟ้่องโดยอ้างโฆษกของเฟซบุ๊กไทยแต่ไม่ระบุชือ  เมื่อสื่อไทยรับลูกประโคมข่าวอึกทึก (ไทยรัฐ, เดลินิวส์, มติชน ฯลฯ) มีเอกสารแถลงการณ์จากเฟซบุ๊กไทยที่ไม่แสดงคนลงนามด้วย  ล่าสุดหาข่าวเดิมที่ ซีเอ็นเอ็นโพส ไม่เจอเสียแล้ว คาดว่าปลิวหายโดยไม่รู้สาเหตุ

ประเทศไทยระอุทั้งในสังคมโซเชียล-บนถนนเศรษฐกิจการเมือง ท่ามกลางการระบาดโควิด-19 ที่ยังแผลงฤทธิ์อยู่รอบๆ ในหมู่เพื่อนบ้านของเราที่มีแนวโน้มกำลังเผชิญภัยระบาดรอบ 2  แต่เมืองไทยกลับเกิดการชุมนุมนักศึกษา โดยไม่เกรงกลัวโรคระบาดแม้แต่น้อย  ความพยายามสร้างภาพว่าเป็นการชุมนุมที่เกิดจากพลังบริสุทธ์  เริ่มเห็นเค้าลางชัดของบุคคล กลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุน ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลอย่างชัดเจน ประสานอำนาจภายนอกด้วยโมเดลฮ่องกง-ไต้หวัน-ไทย  การเรียกร้องที่สับสนของขบวนนักศึกษา เผยแก่นเนื้อหาที่ชัดเจนว่าเป้าหมายที่แท้จริงคืออะไร ไม่ใช่ความเสมอภาต สิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตยอะไรทั้งนั้น แต่เป็นการยกระดับเป้าหมายทิ่มแทงสถาบันหลัก 3 ก้อนเส้า ที่เป็นแก่นมั่นคงรองรับสังคมไทย ไห้ปลอดภัยจากนักล่าอณานิคมในอดีตต่างหาก

สงครามไซเบอร์ เปิดหน้าโจมตีแล้ว ไม่ใช่แค่เพียงสังคมประเทศไทย แต่กินอณาเขตกว้างขวางทั่วโลก ผ่านแอพพลิเคชั่นที่เราแสนรักและใช้กันอย่างเคยชิน  ไม่เว้นเฟซบุ๊ก -อินตราแกรม- ทวิตเตอร์ และอื่นๆ  รัฐบาลไทย -ประชาชนไทย จะรับมือสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ กลิ่นสงครามเชิงพื้นที่ระหว่างมหาอำนาจคุกรุ่นกระชั้นชิด  ทั้งสมรภูมิไต้หวัน-ทะเลจีนใต้-ตะวันออกกลาง ประมาทไม่ได้ ไทยจะการ์ดอย่างไรไม่เจ็บตัว ??