รองนายฯสุพัฒนพงษ์ เล็งคลอดมาตรการ “จ้างงานใหม่” รัฐอุดหนุนผุ้ประกอบการช่วยจ่ายเงินเดือนๆละ 5,000-7,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 1 ปี หวังให้ผู้ประกอบการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ 4 แสนอัตรา ตั้งเป้ารวมจ้างงาน 1 ล้านอัตรา ภายในสิ้นปี เดินหน้าเจรจาบริษัทย์ยักษ์ ได้รับการตอบรับอย่างดี ทั้ง “บีทีเอส, ปตท. บางจาก และซีพี” เป็นต้น รอเสนอผ่านครม.อนุมัติหลักการสัปดาห์หน้า ลงมือทำทันที
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรมว.และรมว.กระทรวงพลังงาน เปิดเผยมาตรการแก้ปัญหาตกงาน ว่างงาน อันเนื่องมาจากผลกระทบการระบาดไวรัสโควิด-19ว่า ศบศ.:ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 เห็นชอบหลักการจูงใจให้ ภาคเอกชนร่วมจ่ายค่าจ้างกับรัฐ (Co-payment) ทั้งนี้ มาตรการดูแลคนตกงานจะอยู่ภายใต้งบประมาณปี 2564 และ พ.ร.บ.เงินกู้ ส่วนงบฯฟื้นฟูเศรษฐกิจ 400,000 ล้านบาท จะใช้ในการจ้างงานประมาณ 1 ล้านตำแหน่ง ระยะเวลา 12 เดือน โดยให้เอกชนมีส่วนร่วมจ่ายด้วย
ในส่วนของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ได้มอบหมายให้คิดโครงการรองรับการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ และการช่วยเหลือ SMEs จะนำเสนอภายใน 2 สัปดาห์
ทั้งนี้บริษัทที่จะเข่าร่วมโครงการเพื่อรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล จะมีเงื่อนไขว่า ต้องไม่มีการปลดพนักงานออก และอื่นๆต้องไปคิดเพิ่มเติม และข้อกังวลคืออาจจะทำให้เข้าใจว่่า ไปเอื้อบริษัทขนาดใหญ่ แต่สิ่งที่จะอธิบายคือ โครงการนี้ต้องให้บริษัทขนาดใหญ่ที่มีกำลังเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแรงมาร่วม มิเช่นนั้นอาจไม่สำเร๋จ เพราะบริษัททั่วไปในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้มัมีนโยบายลดต่าใช้จ่ายเป็นหลัก
ผลตอบรับจากเอกชนเป็นทางบวก
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ตอบรับพร้อมสนับสนุนจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาทางบีทีเอสตั้งโต๊ะรับนักศึกษาจบใหม่อยู่ก่อนแล้ว
บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี) รับลูกถือว่าเป็นนโยบายที่ดี ที่ส่งเสริมการจ้างงานถึง 1 ล้านตำแหน่ง, บริษัท ปตท. จำกัด(มหาขน) แจงแผนงานจะเดินหน้าโครงการตามแผนงาน 100% จะทำให้เกิดการจ้างงาน จะประสานกับภาครัฐ
บริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยินดีให้การสนับสนุน และอุดหนุนสินค้าขุมชนให้เกิดรายได้
บริษัทเอสซีจี เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการแบบสมัครใจ ตามกำลังความสามารถ เพราะ บริษัทต้องดูบุคคลากรที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน
ส.อ.ท.เห็นด้วยเพราะตกงานกระทบกำลังซื้อปชช.
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธาน และประธานอนุกรรมการฟื้นฟูหลังไวรัส โควิด-19 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เห็นด้วยเพราะหากไม่เร่งแก่ปัญหาคนตกงานจะกระทบกำลังซื้อของประชาชน ทำให้การหมุนเวียนเศรษฐกิจสะดุด เกิดปัญหาอาชญากรรมตามมา นอกจากนี้ประเมินว่า สิ้นปี 2563 คนตกงานอาจสูง 7-8 ล้านคน จากปัจจุบัน 7.5 แสนคน
กระทรวงการคลังทบทวนมาตรการภาษี
นายลวรรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า ที่ผ่านมาก.คลังได้ออกมาตรการรักษาการจ้างงานไว้ (มี.ค.-พ.ค.2563) ซึ่งธุรกิจที่รักษาการจ้างงานในช่วงนี้จะสามารถนำเป็นค่าใช้จ่ายลดหย่อนภาษี 3 เท่า และก.คลังจะเห็นข้อมูลนี้ช่วง กย.-ตค.2563 เพราะกรมสรรพากรเลื่อนการแจ่งยีดระยะเวลาไป ทั้งนี้เมื่อได้รับข้อมูลครบถ้วนแล้วจึงพิจารณามาตรการภาษีอีกว่าจะขยายเวลาต่อหรือไม่อย่างไร
