จากที่เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.63 เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพิ่มเติม ในคดีการชุมนุมคนนนท์ไม่ทนเผด็จการ ที่ท่าน้ำนนทบุรี เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายพริษฐ์ เปิดเผยว่า การแจ้งข้อหามาตรา 112 เพิ่มในวันนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการกระทำต่อตัวเรา แต่คือการกระทำต่อราษฎรที่ต้องการยกเลิกมาตรา 112 และปฏิรูปสถาบัน
“การกลับมาใช้มาตรา 112 อีกครั้ง เป็นมาตราที่ไม่มีความเป็นธรรมตั้งแต่แรกที่ไม่ควรใช้ตั้งแต่แรก นานาอารยประเทศเขาไม่ใช้กัน การมีอยู่ของมาตรา 112 เป็นเครื่องมือพิสูจน์ว่าสถาบันกลัวความจริง สิ่งที่เราพูดแต่ละอย่างเป็นเรื่องของข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ถ้าคิดว่าเราพูดไม่เป็นความจริงก็เอาหลักฐานมาโต้พิสูจน์กัน ไม่ใช่เอากฎหมายมาปิดปากเรา” นายพริษฐ์ กล่าว
ล่าสุดวันนี้(10 ธ.ค.63) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก โดยระบถึงการเรียกร้องยกเลิกมาตรา112 ของม็อบว่า
112 ไม่ยกเลิกแน่นอน ม็อบ มม.ดิ้นรน วุ่นวายใจเพราะย่ามใจ สนุกปากก้าวล่วงพระมหากษัตริย์ บรรดาแกนนำโดนข้อกล่าวหามีความผิดตามมาตรา 112 หลักฐานพร้อม เหลือแต่ส่งฟ้องเท่านั้น ต่างกรรมต่างวาระ ถ้าผิดติดคุกหัวโต จะไม่ให้ดิ้นรนได้ยังไง
มั่นใจเถอะ ม.112 ไม่ใช่กฏหมายปิดปาก ไม่ใช่กฏหมายคุกคามประชาชน ไม่คุกคามทางการเมือง ไม่ใช่กฏหมายที่ล้าหลัง แม้แต่สหราชอาณาจักรอังกฤษ หรือสหรัฐอเมริกา ที่บรรดาแกนนำกล่าวอ้าง ทุกประเทศมีกฏหมายคุ้มครองประมุขทั้งสิ้น ไม่มีประเทศไหนปล่อยให้ประมุขถูกจาบจ้วงด้วยความไม่เป็นธรรมหรอก
ไปฟ้องทำไมยูเอ็น จำคนพูดนี้ได้มั้ย “ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ” จำไว้นะ ยังไงยูเอ็นก็ช่วยไม่ได้ อเมริกาก็ไม่เคยยอมรับมติของยูเอ็นที่เป็นผลร้ายต่ออเมริกาเลยสักครั้งเดียว
คนดีๆไม่มีใครเดือดร้อนเพราะมาตรา 112 มีแต่กลุ่มม็อบเท่านั้น ที่อยากให้ยกเลิก เชื่อเถอะ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย
ยกเลิกกฏหมายละเมิดก่อนสิ แล้วจะเล่าให้ฟังว่า
ที่มา : เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart