เจ้าชายตูร์กีฯซึ่งทรงเป็นสมาชิกระดับสูงในราชวงศ์และรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ทรงประณามนโยบายของอิสราเอลที่มีต่อปาเลสไตน์อย่างหนัก ในงานประชุมด้านความมั่นคงระดับภูมิภาค ที่บาห์เรน ทรงมีพระดำรัสต่อที่ประชุมความมั่นคงมานามา ซึ่งเป็นการหารือระดับภูมิภาค ที่กรุงมานามา เมื่อวันอาทิตย์(ุ6 ธ.ค.2563) ว่าอิสราเอลมีนิวเคลียร์โดยไม่ต้องรายงานสหประชาชาติ และยืนยันจะไม่สถาปนาความสัมพันธ์ปกติกับอิสราเอลตราบใดที่ “ปัญหาปาเลสไตน์”ยังไม่ได้รับการแก้ไข
Saudi Prince Turki al Faisal blasts Israel, reiterates strong support for Palestinian cause in fiery presentation to Manama Dialogue security forum pic.twitter.com/5AV6JKV5C0
— TRT World Now (@TRTWorldNow) December 6, 2020
เจ้าชายตูร์กี อัลไฟซาล ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ซาอุดีอาระเบีย ทรงมีพระดำรัสต่อที่ประชุมความมั่นคงมานามา ซึ่งเป็นการหารือระดับภูมิภาค ที่กรุงมานามา ในวันอาทิตย์ที่ 7 ธ.ต.2563 มีเนื้อหาตอนหนึ่งโจมตีอิสราเอลโดยตรง ว่าหน่วงเหนี่ยวและกดขี่ชาวปาเลสไตน์ “ภายในค่ายกักกัน” ท่ามกลางสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงในตะวันออกกลางที่ “เปราะบางที่สุด”
ขณะที่อิสราเอลเป็นประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์อย่างเปิดเผย แต่กลับไม่ยอมรายงานต่อสหประชาชาติ และรัฐบาลเทลอาวีฟยังใช้อิทธิพลภาคการเมือง และสื่อมวลชนให้นำเสนอภาพลบ ทำลายซาอุดีอาระเบียตลอดมา เจ้าชายตูรกี ทรงมีพระดำรัสว่า “เป็นการสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับความพยายามสร้างภาพลักษณ์ เป็นผู้รักษาสันติภาพและมีศีลธรรม” และทรงทิ้งท้ายว่า “อิสราเอลเป็นประเทศขนาดเล็กที่มักข่มขู่ผู้อื่น แต่มักอ้างว่า ตัวเองอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีแต่ผู้หวังปองร้าย ให้หายไปจากแผนที่โลก”
Following the #UAE and #Bahrain’s decision to establish full diplomatic relations with Israel, there has been speculation that Saudi Arabia would soon follow. But for the Kingdom, Palestinian statehood remains a prerequisite to normalization. #IISSMD2020https://t.co/fPwerJ7B8q pic.twitter.com/D9bph9e2Z1
— Al Arabiya English (@AlArabiya_Eng) December 5, 2020
นอกจากนี้ เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮาน อัล-ซาอุด รมว.กระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย ทรงมีพระดำรัสในงานเดียวกันว่า “การมีตัวตนและเป็นที่ยอมรับของปาเลสไตน์” คือพื้นฐานสำตคัญที่รัฐบาลริยาดจะใช้ประกอบการพิจารณา ว่าจะสถาปนาความสัมพันธ์กับอิสราเอลหรือไม่
ด้านนายกาบี อัชเคนาซี รมว.กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล กล่าวต่อเจ้าชายตูร์กีทันที ผ่านระบบทางไกลว่า รัฐบาลอิสราเอล เสียใจ ต่อท่าทีและคำกล่าวของผู้แทนจากรัฐบาลริยาด แต่โดยส่วนตัวเขาไม่เชื่อว่า ทรรศนะนี้จะถือว่า เป็นการสะท้อนมุมมองของกลุ่มประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
อนึ่ง เดิมทีอัชเคนาซีมีกำหนดเข้าร่วมงานนี้ด้วยตัวเอง จากการที่บาห์เรนเป็นหนึ่งในสองประเทศแรก นอกจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) ที่สถาปนาความสัมพันธ์ “แบบปกติอย่างเป็นทางการ” กับอิสราเอล แต่ยกเลิกในนาทีสุดท้าย สืบเนื่องจากเหตุลอบยิงสังหารนายโมห์เซน ฟาคริซาเดห์ นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์คนสำคัญของอิหร่าน บนถนนสายหนึ่ง ในเขตชานกรุงเตหะราน เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลเตหะรานเชื่อว่า อิสราเอลเป็นผู้ลงมือ