นายวัฒนา เมืองสุข อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้เปิดเผยในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์และคนใกล้ชิด ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยว่า การที่ลาออกจากพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีการทะเลาะ ไม่ได้แตกกัน
เพียงแต่ขัดแย้งกันทางความคิด เพราะคิดไม่เหมือนกัน การเมืองเหมือนกับนั่งรถคันเดียวกัน หากตนอยากเลี้ยวซ้าย คนขับอยากเลี้ยวขวา เห็นไม่ตรงกัน เมื่อไม่อยากแย่งพวงมาลัย เลยขอลงจากรถดีกว่า ประเด็นในเชิงหลักการที่ไปด้วยกันไม่ได้คือ ยุทธศาสตร์ที่พรรคการเมืองต้องมี ก่อนหน้านี้ตนอยู่ร่วมทำงานในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ที่ขับเคลื่อนทางการเมืองวันต่อวัน แต่ในแง่ของพรรคคิดว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ไม่จำเป็นเปลี่ยนมาเป็นกรรมการบริหารพรรคมาดูแลแทน แต่กรรมการบริหารพรรคไม่ได้ดูปัญหาวันต่อวัน ตนคิดว่า ไม่ทัน เลยลาออก ตอนนั้นก็คิดไม่ตรงกัน นอกจากนี้พวกเรามองว่า การแก้ปัญหาประเทศ ต้องเริ่มต้นจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คืนอำนาจให้ประชาชน โดยมีสสร.
ขณะนั้นก็มีแนวคิด บอกให้เราต้องไปปิดสวิตช์อะไร ก็ไม่อยากไปพาดพิงพรรคอื่น แต่พรรคเพื่อไทยก็เป็นพรรคใหญ่ เรามีทิศทางของเรา ควรเดินไปเอง ไม่ควรไปเดินตาม ตลาดการเมืองคนละตลาด เราไปเดินด้วย ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ตลาดนั้นมา ไม่มีประโยชน์ การมองปัญหาระดับเล็ก กลาง ใหญ่ ก็มองไม่เหมือนกัน แล้วแต่ประสบการณ์ ตนมองว่าทางออกที่ดีคือทางนี้ การเปลี่ยนแปลงก็มีแน่ และต้องเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ
เมื่อถามว่าอำนาจใหม่เพื่อไทย เล่นเกมการเมืองเกาะหลังเด็กหรือไม่ นายวัฒนากล่าวว่า ไม่เชิงอย่างนั้น คุณดนัยใช้คำที่รับไม่ได้ (หัวเราะ) แต่คงไม่มีใครไปเกาะหลังใคร แต่เขาอาจคิดว่า แนวทางอย่างนี้ถูกต้อง เราเห็นว่า รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดแล้ว คิดว่า ต้องเดินไปสู่ตรงนี้แล้วนำประเทศไปสู่เลือกตั้ง คิดว่าการเปลี่ยนแปลงบางเรื่อง ทำไม่ได้ทันที ในข้ามคืน การเมืองต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน ทุกคนก็ต้องพร้อมร่วมมือกับเรา การที่จะไปรุกอย่างเดียว คงไม่มีใครเขายอมหรอก การเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ ต้องเดินวิธีนี้ เมื่อเราคิดไม่เหมือนกัน ก็มีแค่เราจะแย่งพวงมาลัยหรือลงจากรถ
เมื่อถามว่ายุทธศาสตร์ในอำนาจใหม่เพื่อไทย เขาหวังจะเขี่ยพล.อ.ประยุทธ์ให้ร่วงไปบวกกับพลังประชารัฐตั้งรัฐบาลใหม่หรือไม่ นายวัฒนากล่าวว่า ไม่ทราบ ส่วนโหรคมช.จะทำนายอะไร ก็ไปโหนที่อื่น อย่ามาโหนแถวพวกผม
ทั้งนี้นายวัฒนา ยังกล่าวถึงทิศทางการเมืองวันข้างหน้าว่า คงจะไปตั้งพรรค เพราะลาออกเป็นหมู่คณะ จะบอกไปร่วมหุ้นทำร้านก๋วยเตี๋ยว คงไม่มีใครเชื่อ เราคงตั้งพรรคการเมือง ไม่ได้ออกมาเพื่อไปรวมกับใคร และไม่ได้ออกมาเพื่อแตกแบงก์ย่อย ไม่ต้องจินตนาการ และไม่ได้เป็นสาขาของใคร เป็นไปไม่ได้ เพราะแบงก์ย่อยจะถูกยกเลิกเมื่อเรามีสสร. จะมีการเขียนรัฐธรรมนูญกันใหม่
เมื่อถามว่าพรรคใหม่ คุณหญิงสุดารัตน์ให้คนไปแจ้งตั้งแล้วใช่หรือไม่ นายวัฒนากล่าว่า ต้องยอมรับว่ามีการพูดคุยกัน แต่ไม่ได้ตั้งรอก่อนจะออกจากพรรคเพื่อไทย แต่พอออกมาก็บอกว่า คงทำเรื่องนี้แล้ว ไม่อย่างนั้นจะถูกตีความไปต่างๆนานา เราก็จะตั้งพรรคของเรา ได้ยื่นไปยังกกต.แล้ว ส่วนจังหวะเปิดตัวพรรคใหม่นั้น การเมืองของประเทศ จะไปสู่การเลือกตั้งใหม่แน่นอน แต่ประชาชนควรมองไปยังรัฐธรรมนูญใหม่ที่จะร่างออกมา สสร.ที่มาเป็นแบบไหน เพื่อให้มีความเป็นธรรมมากที่สุด นับหนึ่งกันใหม่ ตอนนี้แก้อะไรไม่ได้แล้ว เพราะมาไกลเกินไปแล้ว คิดว่านับจากนี้ประมาณ หนึ่งปีครึ่งน่าจะมีการเลือกตั้ง จากนี้ไปเราคงต้องเตรียมตัว
พรรคใหม่ยังคงมีเงานายทักษิณ คุณหญิงพจมานหรือไม่ นายวัฒนากล่าวว่า เราเป็นตัวของเราเองแน่นอน ออกมาขนาดนี้ จะไปอยู่ใต้ร่มเงาใคร ต้นไม้ใหญ่ไปอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ไม่ได้หรอก คนที่ออกมา คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ นายโภคินก็เป็นอดีตประธานรัฐสภาฯ ส่วนที่มีการตั้งคำถามทำนอง
ตนก็เป็นหนึ่งในคนที่สนิทสนมกับนายทักษิณ ทำไมออกมากับคุณหญิงสุดารัตน์ ต้องบอกว่า เราไม่ได้ทะเลาะ ขัดแย้งกับนายทักษิณ คุณหญิงพจมาน แต่ตนขัดแย้งกับผู้บริหารพรรคเพื่อไทย เมื่อเห็นไม่ตรงกันเลยต้องออกมา
ตอนนี้ยังใช้กลุ่มสร้างไทยไปก่อน นายวัฒนากล่าวว่า ครับ ตอนนี้มีคุณหญิงสุดารัตน์ นายโภคิน ที่ออกมา ส่วนนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ยังอยู่พรรคเพื่อไทย แต่หลังจากนี้คงจะมีอีกหลายคน
