จากที่เว็บไซต์คณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐ มีมติเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา แสดงจุดยืนสนับสนุนขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย
ทั้งนี้โดยจดหมายข่าวของคณะกรรมาธิการนำเสนอโดย บ็อบ เมเนนเดซ , ดิค เดอร์บิน วุฒิสมาชิก สมาชิกคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐ และสว.อีก 7 คน หนึ่งในนั้นคือ แทมมี ดักเวิร์ธ สว.อเมริกันเชื้อสายไทย ซึ่งย้ำพันธกรณีของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และหลักนิติธรรมในประเทศไทย โดยมติดังกล่าวมีขึ้นหลังการประท้วงของขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย ซึ่งต้องเผชิญกับความรุนแรงและการปราบปรามจากสถาบันพระมหากษัตริย์ และรัฐบาล
ขณะที่วุฒิสมาชิก แทมมี ดักเวิร์ธ ชาวเมริกันเชื้อสายไทย ระบุในข้อมติดังกล่าวด้วยว่า “ในฐานะชาวอเมริกันเชื้อสายไทยที่ต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิในการประท้วงอย่างสันติ ดิฉันรู้ว่าทั้งความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกา และไทยที่มีาอย่างยาวนานและแน่นแฟ้น รวมถึง สิทธิในทางประชาธิปไตยของปัจเจกชนที่แบ่งแยกไม่ได้ เป็นสิ่งสำคัญที่จะยึดถือและป้องป้องรักษาไว้”
ล่าสุดวันนี้(5ธ.ค.63) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวลงในเฟซบุ๊กด้วยว่า
เ. ือกอะไรด้วย ข่าวที่คณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วุฒิสภาอเมริกัน จำนวน 8 คน และหนึ่งในนั้นมีนางลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ ได้ออกแถลงการณ์ แสดงมติและจุดยืนของสหรัฐในเรื่องสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และหลักนิติธรรมในประเทศไทย หลังจากที่การประท้วงนำไปสู่ความรุนแรงและการปราบปรามจากรัฐบาลและสถาบันฯ อ้างว่าเป็นหน้าที่ของสหรัฐที่ต้องยืนเคียงข้างการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในไทยโดยอ้างว่า ประชาธิปไตยในไทยถูกคุกคาม
ต้องขอชี้แจงแทนรัฐบาลในนามประชาชนคนไทยคนหนึ่ง การชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลและตำรวจยังไม่ได้มีการใช้ความรุนแรงใดๆต่อกลุ่มผู้ประท้วง ไม่มีการใช้กำลังสลายการชุมนุม หากการใช้น้ำฉีด การยิงด้วยแก๊สน้ำตา เป็นความรุนแรง บรรทัดฐานวิธีการในการบริหารจัดการม็อบทั่วโลก รวมทั้งสหรัฐ ต้องทบทวนใหม่หมด
ตำรวจอเมริกันใช้ความรุนแรงกับม็อบในเมืองต่างๅที่ชุมนุมเรียกร้องสิทธิของคนต่างสีผิวรุนแรงกว่าที่ตำรวจไทยจัดการอย่างเปรียบเทียบกันไม่ได้ หากการฉีดน้ำและแก๊สน้ำตาเป็นความรุนแรง ตำรวจทั่วโลกรวมทั้งอเมริกัน ใช้ความรุนแรงกว่าไทยมากอย่างเทียบกันไม่ได้
คณะกรรมาธิการฯ คงได้ข้อมูลที่ผิดพลาด ไม่ถูกต้อง คลาดเคลื่อน รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้ง มีการบริหารงานผ่านการตรวจสอบของรัฐสภา ไม่มีการคุกคามใดๆต่อประชาธิปไตยในไทย มีแต่การคุกคามต่อสถาบันฯจากกลุ่มม็อบ
การเป็นพันธมิตรที่ดีระหว่างไทยและอเมริกา ต้องไม่ใช่การก้าวก่ายในกิจการภายใน และการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลไทย ด้วยการออกแถลงการณ์มติในทำนองให้ท้ายกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองและละเมิดกฏหมาย คุกคามความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและละเมิดสิทธิของคนอื่นในการสัญจรและประกอบอาชีพ
หรือนี่จะเป็นปฐมบทของฝ่ายบริหารจากพรรคเดโมแครตที่ชอบใช้ข้ออ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตยในการเข้าแทรกแซงรัฐบาลต่างๆที่ไม่อยู่ใต้อาณัติของอเมริกา ดังเช่นที่เคยเข้าแทรกแซงล้มล้างรัฐบาลลิเบีย อียิปต์โดยใช้นักศึกษาปัญญาชน และทหารรับจ้าง
จำได้มั้ย คลินตันปล่อยให้จอร์จ โซรอส ทำลายสถานทางการเงินของไทยอย่างไร และเมื่อระบบการเงินไทยมีปัญหา คลินตันนอกจากไม่คิดจะช่วย ยังให้ธุรกิจอเมริกันมารุมกินโต๊ะลดราคารับซื้อกิจการต่างๆในไทยในราคาถูกแสนถูก
คนไทยคงต้องจับตา ติดตามนโยบายด้านความมั่นคงและนโยบายการต่างประเทศของฝ่ายบริหารและรัฐสภาสหรัฐ อย่างตาไม่กระพริบ
ที่มา : เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart