อดีตบิ๊กข่าวกรองฯตบหน้าแทมมี-แก๊งสว.สหรัฐ จุ้นเรื่องไทย ซัดหนุนม็อบคุกคามสถาบัน

2719

จากที่เว็บไซต์คณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐ มีมติเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา แสดงจุดยืนสนับสนุนขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย

ทั้งนี้โดยจดหมายข่าวของคณะกรรมาธิการนำเสนอโดย บ็อบ เมเนนเดซ , ดิค เดอร์บิน วุฒิสมาชิก สมาชิกคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐ และสว.อีก 7 คน หนึ่งในนั้นคือ แทมมี ดักเวิร์ธ สว.อเมริกันเชื้อสายไทย ซึ่งย้ำพันธกรณีของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และหลักนิติธรรมในประเทศไทย โดยมติดังกล่าวมีขึ้นหลังการประท้วงของขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย ซึ่งต้องเผชิญกับความรุนแรงและการปราบปรามจากสถาบันพระมหากษัตริย์ และรัฐบาล

ขณะที่วุฒิสมาชิก แทมมี ดักเวิร์ธ ชาวเมริกันเชื้อสายไทย ระบุในข้อมติดังกล่าวด้วยว่า “ในฐานะชาวอเมริกันเชื้อสายไทยที่ต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิในการประท้วงอย่างสันติ ดิฉันรู้ว่าทั้งความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกา และไทยที่มีาอย่างยาวนานและแน่นแฟ้น รวมถึง สิทธิในทางประชาธิปไตยของปัจเจกชนที่แบ่งแยกไม่ได้ เป็นสิ่งสำคัญที่จะยึดถือและป้องป้องรักษาไว้”

ล่าสุดวันนี้(5ธ.ค.63) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวลงในเฟซบุ๊กด้วยว่า

เ. ือกอะไรด้วย ข่าว​ที่คณะกรรมาธิการ​ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ​ วุฒิสภาอเมริกัน จำนวน​ 8  คน​ และหนึ่งในนั้นมีนางลัดดา​ แทมมี่​ ดักเวิร์ธ​ ได้ออกแถลงการณ์​ แสดงมติและจุดยืนของสหรัฐในเรื่องสิทธิมนุษยชน​ ประชาธิปไตย ​และหลักนิติธรรมในประเทศไทย​ หลังจากที่การประท้วงนำไปสู่ความรุนแรงและการปราบปรามจากรัฐบาลและสถาบันฯ อ้างว่าเป็นหน้าที่ของสหรัฐที่ต้องยืนเคียงข้างการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในไทย​โดยอ้างว่า​ ประชาธิปไตยในไทยถูกคุกคาม

ต้องขอชี้แจงแทนรัฐบาลในนามประชาชนคนไทยคนหนึ่ง การชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา​ รัฐบาลและตำรวจยังไม่ได้มีการใช้ความรุนแรงใดๆต่อกลุ่มผู้ประท้วง​ ไม่มีการใช้กำลังสลายการชุมนุม​ หากการใช้น้ำฉีด​ การยิงด้วยแก๊สน้ำตา​ เป็นความรุนแรง​ บรรทัดฐานวิธีการในการบริหารจัดการม็อบทั่วโลก​ รวมทั้งสหรัฐ ต้องทบทวนใหม่หมด​

ตำรวจอเมริกันใช้ความรุนแรงกับม็อบในเมืองต่างๅที่ชุมนุมเรียกร้องสิทธิของคนต่างสีผิวรุนแรงกว่าที่ตำรวจไทยจัดการอย่างเปรียบเทียบกันไม่ได้​  หากการฉีดน้ำและแก๊สน้ำตาเป็นความรุนแรง​  ตำรวจทั่วโลกรวมทั้งอเมริกัน​ ใช้ความรุนแรงกว่าไทยมากอย่างเทียบกันไม่ได้

คณะกรรมาธิการฯ​ คงได้ข้อมูลที่ผิดพลาด​ ไม่ถูกต้อง​ คลาดเคลื่อน รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้ง​ มีการบริหารงานผ่านการตรวจสอบของรัฐสภา​ ไม่มีการคุกคามใดๆต่อประชาธิปไตยในไทย​ มีแต่การคุกคามต่อสถาบันฯจากกลุ่มม็อบ

การเป็นพันธมิตรที่ดีระหว่างไทยและอเมริกา​ ต้องไม่ใช่การก้าวก่ายในกิจการภายใน​ และการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลไทย​ ด้วยการออกแถลงการณ์มติในทำนองให้ท้ายกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองและละเมิดกฏหมาย​ คุกคามความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและละเมิดสิทธิของคนอื่นในการสัญจรและประกอบอาชีพ

หรือนี่จะเป็นปฐมบทของฝ่ายบริหารจากพรรคเดโมแครตที่ชอบใช้ข้ออ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน​ ประชาธิปไตยในการเข้าแทรกแซงรัฐบาลต่างๆที่ไม่อยู่ใต้อาณัติของอเมริกา​ ดังเช่นที่เคยเข้าแทรกแซงล้มล้างรัฐบาลลิเบีย​ อียิปต์โดยใช้นักศึกษาปัญญาชน​ และทหารรับจ้าง

จำได้มั้ย​ คลินตันปล่อยให้จอร์จ​ โซรอส ทำลายสถานทางการเงินของไทยอย่างไร​ และเมื่อระบบการเงินไทยมีปัญหา​ คลินตันนอกจากไม่คิดจะช่วย​ ยังให้ธุรกิจอเมริกันมารุมกินโต๊ะลดราคารับซื้อกิจการต่างๆในไทยในราคาถูกแสนถูก

คนไทยคงต้องจับตา​ ติดตามนโยบายด้านความมั่นคงและนโยบายการต่างประเทศของฝ่ายบริหารและรัฐสภาสหรัฐ อย่างตาไม่กระพริบ

ที่มา : เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart