จากกรณีที่มีรายงานข่าวจากกรมราชทัณฑ์เผยว่า ภายหลังเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2563 ปรากฏว่าในครั้งนี้จะมีผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำทั่วประเทศ 30,000 ราย ตามมาตรา 6 และยังมีนักโทษเด็ดขาดที่เข้าหลักเกณฑ์ได้ลดวันต้องโทษ ตามพระราชกฤษฎีกา ฉบับดังกล่าวอีกกว่า 200,000 ราย
สำหรับนักโทษ รายสำคัญ ที่จะได้รับการลดโทษตามสัดส่วนคือ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่ถูกตัดสินจำคุก 6 ปี 24 เดือน เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา จะได้การลดโทษตามสัดส่วน ซึ่งก่อนหน้านั้นเมื่อเดือนส.ค.ก็ได้รับการลดโทษ
ส่วนผู้ต้องขังกลุ่มผู้ต้องขังบิ๊กเนม ซึ่งเป็นนักการเมืองส่วนใหญ่ ไม่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวออกจากเรือนจำ เนื่องจากกระทำความผิดตามบัญชีแนบท้าย แต่จะได้รับการลดวันต้องโทษตามสัดส่วน เพื่อเข้าสู่กระบวนการพักการลงโทษปล่อยตัวก่อนครบกำหนดโทษ
โดยนักโทษกลุ่มแกนนำการชุมนุมก่อความไม่สงบปิดล้อมบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต้องโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ลดโทษ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ได้รับการลดโทษตามสัดส่วน
ล่าสุดมีรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี 8 เดือน ในคดีชุมนุมปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อปี 2550 คาดจะได้รับการพักโทษหลังปีใหม่ 2564 แต่หลังได้รับการปล่อยตัวแล้ว นายณัฐวัฒิยังคงมีคดีอื่นที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจกองปราบ ซึ่งอาจถูกจะอายัดตัวและขออำนาจศาลฝากขังได้
ส่วนนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ถูกศาลพิพากษาจำคุก 6 ปี 24 เดือน เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา จะได้การลดโทษตามสัดส่วน โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนส.ค. นายสรยุทธได้รับการลดโทษมาแล้ว คาดว่าเดือนมี.ค.64 จะครบกำหนดเวลาที่ถูกจำคุกและได้รับการปล่อยตัว
และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 48 ปี ในคดีจีทูจี ได้รับการลดโทษตามสัดส่วน นอกจากนี้ยังมีชื่อของนายสำเริง ประจำเรือ และนายสิงห์ทอง บัวชุม ผู้ต้องหาคดีล้มประชุมอาเซียนที่จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษด้วย
ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวจะต้องเข้าอบรมในโครงการโคกหนองนาโมเดล เป็นวลา 15 วัน โดยคาดว่าจะเริ่มอบรมรุ่นแรกวันที่ 12 ธ.ค.