ต้องบอกว่า เปิดหน้าออกมาไม่สนหน้าไหนทั้งนั้น สำหรับตู่จตุพร กับท่าทีที่ช่วยหาเสียงตระกูลบูรณุปกรณ์ ต่อมานั่นเอง ก็ปรากฏสองพี่น้องต้องออกแรงหนุนคนจากเพื่อไทย อันเป็นการส่งสัญญาณว่าเดินกันคนละทางแน่นอน!?!
พลันที่ที่บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หมายเลข 2 พร้อมคณะขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียง โดยมีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. พร้อม ยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) แกนนำนปช.เข้าร่วมและช่วยหาเสียงด้วยนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายจตุพร กล่าวช่วงหนึ่งว่า ในการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ ครั้งที่ผ่านมาได้เดินทางมาช่วยสนับสนุนนายบุญเลิศ ได้คะแนนเสียงจากประชาชนชาวเชียงใหม่จำนวน 4 แสนกว่า แต่นายบุญเลิศ พร้อมคณะถูก คสช.ใช้ ม.44 ดำเนินคดีกรณีจดหมายบิดเบือนประชามติด้วย โดยก่อนที่เดินทางมาเชียงใหม่ครั้งนี้มีหลายคนห้ามไม่ให้มา แต่ตนเลือกเดินทางมาเพราะเลือกสิ่งที่ถูกต้อง เนื่องจากว่าที่ผ่านมานายบุญเลิศถูกดำเนินคดีพร้อมครอบครัว แต่ก็ไม่ได้ซัดทอดผู้ใดเลย หากพรรคเพื่อไทยไม่สบายใจกับการเดินทางมาครั้งนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะตัวเองถือว่าต้องเลือกข้างประชาธิปไตย
ขณะที่ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ “ส.ว.ก้อง” ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หมายเลข 2 ซึ่งลงสมัครในนามตัวแทนพรรคเพื่อไทย ได้มีการลงพื้นที่พบปะประชาชนและหาเสียงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พร้อมกับผู้สมัครสมาชิกองค์การส่วนบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่การจัดเวทีปราศรัยจะมีผู้ที่มีบทบาทสำคัญในพรรคหรือตัวแทนของพรรคเพื่อไทย มาร่วมปราศรัยช่วยหาเสียงทุกครั้งด้วย
ล่าสุดวันนี้(3ธ.ค.63) นายทักษิณ ชินวัตร รวมทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความ โดยโชว์หนังสือที่เขียนด้วยลายมือ ถึงคนเชียงใหม่ในการหาเสียงช่วยผู้สมัครนายกอบจ.ของพรรคเพื่อไทย ด้วยว่า
ปี้น้องจาวเจียงใหม่ตี้เคารพฮักทุกท่านครับ วันนี้ผมต้องเขียนจดหมายมาถึงพี่น้องชาวเชียงใหม่ เพื่อขออย่าได้ทิ้งผมนะครับ ผมอาจจะถูกทิ้งโดยนักการเมืองบางคนไปบ้าง ผมรู้สึกเฉยๆครับ แต่ถ้าพี่น้องชาวเชียงใหม่บ้านเกิดของผมทิ้งผม ผมคงเสียใจมาก
ผมอยู่ต่างประเทศ กับน้องสาว (นายกฯปู) ก็อยู่ค่อนข้างว่างมีงานไม่มาก เรามาปรึกษากันว่าวันนี้ฝ่ายประชาธิปไตย เป็นฝ่ายค้านเราไม่มีโอกาสแชร์ประสบการณ์และความรู้ในการแก้ปัญหาประเทศได้ ก็เลยคิดว่าน่าจะช่วยคิดแก้ปัญหาระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะเชียงใหม่บ้านเกิดของเราที่เรารู้ปัญหามากที่สุดได้
เลยต้องรีบเขียนจดหมายมาฝากผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ เบอร์ 1 พิชัย เลิศพงศ์อดิศร (ก้อง) เพื่อผมจะได้ใช้สมองซึ่งยังใช้การได้ดีอยู่ร่วมกับน้องสาว แนะนำการแก้ปัญหาของชาวเชียงใหม่ผ่านก้องไป ผมก็จะรู้สึกดีว่าได้ใช้เวลาว่างอยู่ต่างประเทศบวกกับประสบการณ์ที่ได้เห็นอะไรมากมายในต่างประเทศมาช่วยคนที่อยู่จังหวัดบ้านเกิดของเราได้
อยากให้ท่านนึกถึงตอนสมัยไทยรักไทย เชียงใหม่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สวยงาม มีเศรษฐกิจดี พืชผลเกษตรมีราคาดี คนค้าขายทุกระดับค้าง่ายขายคล่อง ยาเสพติดก็หมดไป สิ่งดีๆเหล่านี้ต้องกลับมาสู่เชียงใหม่โดยเร็ว ถ้าเรามีช่องทางเสนอความคิดให้นายกอบจ.เชียงใหม่ โดยเฉพาะให้ก้อง นำไปทำเพื่อรับใช้ชาวเชียงใหม่ก็ถือว่าเราได้ช่วยพี่น้องชาวเชียงใหม่บ้านเกิดของเราแล้ว ผมขอฝากตวยเน่อ ถ้ายัง บ่าลืมเฮาตึงสองคนเตื่อ ขอได้โปรดเลือก พิชัย เลิศพงศ์อดิศร (ก้อง) เบอร์ 1 ฮื้อกำเน่อ กึ๊ดเติงหาเจียงใหม่บ้านเฮาขนาดครับ
นี่จึงเป็นคำถาม และชวนตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมนายใหญ่ ถึงต้องลงทุนลงแรงนั่งเขียนจดหมายด้วยลายมือ ร่อนข้ามน้ำข้ามทะเลมาออดอ้อนเพื่อขอคะแนนเสียง ซึ่งย้อนไปก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก็พอจะพบคำตอบบางประการ นั่นคือ การออกมาดับเครื่องชนของ(อดีต)ลูกน้องอย่าง ตู่ จตุพร ???
เมื่อวันที่ 28 พ.ย.63 นายจตุพร ขึ้นเหนือช่วยหาเสียงให้นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ หัวหน้ากลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ที่ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ โดยนายจตุพรกล่าวว่า นายบุญเลิศ เป็นอดีตนายก อบจ.เชียงใหม่ และถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้คำสั่งหัวหน้า คสช. มาตรา 44 ปลดออกจากตำแหน่ง แล้วยังถูกติดคุกกรณีรณรงค์ประชามติ รธน. 2560 ตนจึงซาบซึ้งจิตใจนักสู้ประชาธิปไตย จึงต้องมาช่วยงานการเมืองกัน
“นายบุญเลิศ เป็นนายก อบจ.คนเดียวของไทยที่ถูกสั่งให้ติดคุกโดยกล่าวหาความผิดเกี่ยวกับการรณรงค์ประชามติ รธน. 2560 กฎหมายอาญา ม.116 เป็นอั้งยี่ซ่องโจร ถูกจับไปคุมขังในค่ายทหาร มทบ.11 ถ้าอยู่เฉยๆ คงไม่ต้องมารับชะตากรรม ช่วงที่ถูกคุมขังในคุกทหาร ร.11 ตนและพรรคพวกหิ้วอาหารไปเยี่ยมทุกวัน เพราะแพ้หัวใจของนายบุญเลิศ ซึ่งทำหน้าที่พี่น้องอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของพวกตนเลย อีกทั้งยังมาถูกขังในเรือนจำเชียงใหม่รวม 1 เดือน
วันแรกถูกคุมขัง พล.อ.ประยุทธ์ ยังใช้ คำสั่ง ม.44 ให้นายบุญเลิศพักปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งนายก อบจ. จนพักยาวนานเกือบครบ 2 ปี จนได้ให้ตำแหน่งคือเมื่อ 4 มิ.ย. 2561 จากนั้นการติดคุกเรื่องประชามติกลายเป็นผลร้ายของเขา พรรคการเมืองที่เขาสังกัดในช่วงนั้นได้ทิ้งเขา ผมจึงตัดสินใจมาช่วยงานการเมืองตั้งแต่ 26 ก.ค. 2559 ที่นายบุญเลิศถูกขังคุกแล้ว
เมื่อเลือกเส้นทางนักต่อสู้ ก็ควรกล้าตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง ตนไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทย ที่ทิ้งนายบุญเลิศ แต่ควรขอบคุณด้วยซ้ำไปที่มาต่อสู้ในเรื่องทำประชามติรัฐธรรมนูญ อีกอย่างเมื่อถูกจับ ไม่เคยซัดทอดใคร ตนยึดมิตรเป็นมิตร และมิตรที่ติดคุก” นายจตุพร กล่าว
เห็นแล้วหรือไม่ว่า เหตุไฉนทำไมทักษิณยิ่งลักษณ์ถึงต้องยอมลงทุนลงแรง เขียนจดหมายร่อนข้ามฟ้าข้ามทะเลมา หากไม่ใช่เพราะการรุกของนายจตุพร ที่วันนี้ไม่รู้ว่า คนแดนไกลยังนับเป็นลูกน้องหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ข้อความของนายทักษิณที่เขียนมาช่วงหนึ่งพุ่งปลายหอกไปที่นักการเมืองบางคนที่ทิ้งตน ซึ่งนั่นก็ไม่แน่ชัดว่าใช่นายจตุพร หรือไม่??? โดยการท่าทีคำพูดของประธานนปช.ในห้วงยามนี้ต้องบอกว่ากล้าดีเดือดดับเครื่องชนถล่มลากไส้พรรคเพื่อไทยเต็มๆว่าทอดทิ้งบุญเลิศ แล้วถามว่าพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ทักษิณหรือ ถ้าตอบว่าไม่ใช่ ทักษิณจะช่วยส.ว.ก้องทำไม ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น จตุพรด่าใครล่ะ ที่แน่ๆงานนี้ทั้งสองเดินกันคนละทางชัวร์!?!