สัมพันธ์จีน-ออสเตรเลียย่ำแย่!?! วีแชทลบโพสต์ชี้แจงของผู้นำออสซี่ คาดศึกการค้า-ความมั่นคงยืดเยื้อ

1659

วีแชทลบการโพสต์ชี้แจงของนายกฯออสเตรเลียเรื่อง ปฏิบัติการทำร้ายพลเรือนอัฟกานิสถาน ออสซี่และนิวซีแลนด์ขอให้จีนขอโทษที่ลงภาพปลอมแต่จีนไม่สนใจ เมื่อโพสต์วีแชทเป็นภาษาจีนหวังให้ข้อมูลด้านของตน ก็ถูกวีแชทลบในทันใด ฐานผิดกฏ ทำความสัมพันธ์สองประเทศดิ่งหนักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จีนกดดันการค้าและเกิดกระทบกระทั่งด้านความมั่นคงต่อกัน ขณะที่ออสเตรเลียร่วมกับสหรัฐพัฒนาขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงแข่งจีน-รัสเซีย

1 ธ.ค.2563 สนข.อัลจาซีรา รายงานว่า จีนปฏิเสธที่จะขอโทษสำหรับภาพปลอมที่โฆษกรัฐบาลจีนโพสต์ลงบัญชีทางการในทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นภาพของทหารออสเตรเลียทำท่าสังหารเด็กชาวอัฟกานิสถาน และนิวซีแลนด์เป็นประเทศล่าสุดที่แสดงเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับภาพดังกล่าว

จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์กล่าวว่ารัฐบาลของเธอได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการโพสต์ของจีน “นิวซีแลนด์ได้แจ้งความกังวลโดยตรงกับทางการจีนเกี่ยวกับการใช้ภาพดังกล่าว เพราะ มันเป็นการโพสต์ที่ไม่เป็นความจริง และแน่นอนว่ามันทำให้เรากังวล เราเห็นความสำคัญว่ามันไม่ใช่ข้อมูลจริง และนิวซีแลนด์กังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น” เธอกล่าว

ประเด็นของเรื่องเป็นความจริง-ภาพอาจไม่จริง

เมื่อวันจันทร์ (30 พ.ค.2563)ลี่เจียน จ้าว โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้โพสต์ภาพทหารออสเตรเลียใช้มีดจ่อคอเด็กหญิงอัฟกานิสถาน มีคำบรรยายใต้ภาพว่า “อย่ากลัวเลย เรากำลังจะนำสันติภาพมาสู่คุณ” (ซึ่งทำให้โลกโซเชียลมีเดียรู้สึกขนลุกกับภาพดังกล่าว และทวิตเตอร์ได้ตั้งค่าภาพดังกล่าวเป็น ภาพที่อ่อนไหวแล้ว) โดยคาดว่าจีนโพสต์ภาพดังกล่าวเพื่อเป็นการตอกย้ำความรู้สึกผิด ต่อผลของการไต่สวนล่าสุดในออสเตรเลียซึ่งพบหลักฐานว่ากองกำลังพิเศษได้สังหารพลเรือนและนักโทษ 39 คน ในอัฟกานิสถาน ซึ่งออสเตรเลียได้ขอโทษอัฟกานิสถานเกี่ยวกับการสังหารแล้ว ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนทางอาญา

“เรารู้สึกตกตะลึงกับการสังหารพลเรือนชาวอัฟกานิสถานและนักโทษ โดยทหารออสเตรเลีย เราขอประณามการกระทำดังกล่าวเป็นอย่างยิ่งและขอเรียกร้องให้มีความรับผิดชอบ” ลี่เจียน จ้าว โฆษกรัฐบาลจีน ทวีต (ซึ่งแม้เรื่องราวจะเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นจริง แต่ภาพที่ใช้เป็นภาพปลอม)

เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภาพดังกล่าวของจีนไปทั่วโลก แต่จีนก็ปฏิเสธที่จะขอโทษ โดย ลี่เจียน จ้าว (Zhao) ได้ใช้ฟังก์ชั่นปักหมุดรูปภาพไว้ที่ด้านบนสุดของโปรไฟล์ทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นบัญชีที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ทำให้คนเห็นภาพดังกล่าวเป็นจำนวนมาก แม้ สก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย ได้เรียกร้องให้มีการขอโทษสำหรับโพสต์ดังกล่าว ซึ่งเขาเรียกว่าเป็นภาพที่สร้างความเกลียดชัง อย่างไรก็ตาม ฮั่วชุนหยิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนอีกราย กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ออสเตรเลียต้องละอายใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นต่างหาก

“ฝั่งออสเตรเลียมีปฏิกิริยาอย่างรุนแรงต่อทวีตของเพื่อนร่วมงานของฉัน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? พวกเขาคิดว่าการสังหารพลเรือนชาวอัฟกานิสถานอย่างไร้ความปราณีนั้นเป็นสิ่งที่ชอบธรรมอย่างนั้นหรือ เราประณามความโหดเหี้ยมไร้ความปรานี เพราะชีวิตของชาวอัฟกานิสถานมีความสำคัญ! รัฐบาลออสเตรเลียควรรู้สึกละอายใจไม่ใช่หรือ ที่ทหารบางคนที่ปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถานกระทำการโหดร้ายเช่นนี้” เธอกล่าว

เว็บไซต์ โกลเบิล ไทมส์ (สื่อแทบลอยด์ในเครือพีเพิลส์ เดลี ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน) ได้มีบทความที่สื่อในเชิงคล้ายกับรัฐบาลจีน ซึ่งมีใจความว่า “ความปรารถนาดีของจีน ไร้ผลกับออสเตรเลียที่ชั่วร้าย” สื่อจีนให้ความสำคัญกับอาชญากรรมสงครามของออสเตรเลียที่ถูกกล่าวหาตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนท่ามกลางความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างออสเตรเลีย-จีนที่ย่ำแย่ลง

วีแชทลบในทันใด-ทวิตเตอร์แค่ขึ้นคำเตือน

วันพุธ (2 ธ.ค.2563) นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย สกอตต์ มอร์ริสัน ได้โพสต์ข้อความเป็นภาษาจีนในวีแชท พยายามอธิบายแก่ชาวจีน เกี่ยวกับการสอบสวนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในออสเตรเลีย ต่อการที่ทหารจำนวนหนึ่งในอัฟกานิสถานกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนระดับร้ายแรง-สังหาร ต่อประชาชนทั่วไปและนักโทษ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 39 คนเป็นอย่างน้อย โดยยืนยันว่าการสอบสวนจะเป็นไปด้วยความโปร่งใส ซึ่งขณะนี้ได้ลงโทษทหาร 13 นายโดยขับออกจากหน่วย  หลังจากเผยแพร่ไม่นานวีแชทได้ลบข้อความทั้งหมดโดยชี้แจงว่า “ละเมิดกฏการใช้งาน” ที่รวมถึงการบิดเบือนข้อมูล อันจะก่อให้เกิดความสับสนแก่ผู้รับสาร

ทวิตเตอร์ไม่ได้ลบภาพสยองที่นายกฯออสเตรเลียระบุว่าเป็นภาพปลอม เพียงขึ้นคำเตือนว่า “เป็นประเด็นละเอียดอ่อน” และให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า การแสดงความเห็นบนแพลตฟอร์มโดยเจ้าหน้าที่รัฐ หากได้รับการยืนยันตัวตนจากทวิตเตอร์ และ การทวิตนั้นยังอยู่ในขอบเขตของประเด็นทางการเมืองและนโยบาย “ไม่ถือว่าผิดกฏ”

ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศตึงเครียดขึ้น หลังจากที่ออสเตรเลีย เรียกร้องให้นานาชาติสอบสวนจีนเกี่ยวกับต้นกำเนิดของโควิด-19 ตามการเสนอของปธน.ทรัมป์ และล่าสุดเข้าร่วมกับสหรัฐในนามพันธมิตรควอด (QUAD) เดินสายต้านอิทธิพลจีนย่านเอเชีย-แปซิฟิค และพัฒนาขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกความเร็วเหนือเสียงกับสหรัฐ เป็นต้น