คณะตรวจสอบทุจริตการบินไทย เปิดเผยว่า วันที่ 14 ธ.ค.นี้ จะเข้าให้ปากคำและข้อมูลเพิ่มเติมแก่ป.ป.ช.แจงผลการตรวจสอบ ปัญหาทุจริตซึ่งทำให้ประสบภาวะขาดทุน 6 ด้าน พบผู้เข้าข่ายกระทำความผิดประมาณเกือบ 20 คน ทั้งนี้เมื่อการบินไทยพ้นจากสภาวะการเป็นรัฐวิสาหกิจ ทำให้คณะตรวจสอบฯต้องหยุดการตรวจสอบ และได้ส่งเรื่องแก่ป.ป.ช.,กระทรวงการคลัง และนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป
พล.ต.ท.สาโรช นิ่มเจริญ รองหัวหน้าคณะตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และปัญหาการทุจริตของบริษัทฯ ซึ่งทำให้ประสบภาวะขาดทุน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะตรวจสอบเท็จจริงฯ โดยมี พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นประธาน โดยระบุว่า หลังจากคณะทำงานได้ส่งข้อมูลการตรวจสอบไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ และประธานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)แล้ว
ขณะนี้ทางสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ส่งหนังสือกลับมาถึงนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง และขอเอกสารเพิ่มเติมประกอบการพิจารณา จึงเป็นที่มาของการเรียกประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ในครั้งนี้
โดยคณะกรรมการฯ เตรียมไปให้ถ้อยคำในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ โดยในวันนั้นจะเป็นการไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมในบางข้อที่ ป.ป.ช. มีข้อสงสัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนการไต่สวนของ สำนักงาน ป.ป.ช. ที่มี นายสุพจน์ ศรีงามเมือง ผู้อำนวยการสำนักไต่สวนการสุจริตภาครัฐวิสาหกิจ 1 รับหน้าที่เป็นหัวหน้าพนักงานไต่สวน ซึ่งอาจมีการดึงคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ไปร่วมเป็นหนึ่งในอนุคณะกรรมการไต่สวนฯ อีกด้วย
พล.ต.ท.สาโรช กล่าวอีกว่า จากการประชุมในครั้งนี้สรุปได้ว่า การตรวจสอบทุจริตได้ดำเนินการเสร็จสิ้นกระบวนการในอำนาจที่มีอยู่แล้ว รวมถึงส่งประเด็นไปให้ ป.ป.ช. เพื่อสามารถดำเนินการต่อไป ส่วนเรื่องที่จะไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับทาง ป.ป.ช. ในเบื้องต้น ประกอบด้วย 2 เรื่องหลัก คือ
1.การตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารการบินไทย ทาง ป.ป.ช.ได้ขอข้อมูลผู้ส่อทุจริตว่าประกอบด้วยเรื่องใดบ้าง พร้อมทั้งขอทราบชื่อ นามสกุล ตำแหน่งหน้าที่ และมีข้อหาความผิดในเรื่องใด มีผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยหรือไม่
2.จากความผิดในเบื้องต้น ทางคณะกรรมการฯ เคยมีการร้องเรียนไปยังหน่วยงานของรัฐ หรือฟ้องผู้ถูกร้องเป็นคดีอาญาต่อศาล หรือร้องเรียนต่อศาลแล้วอย่างไรบ้าง
พล.ต.ท.สาโรช กล่าวว่า ผลสรุปการตรวจสอบที่ก่อนหน้าที่ทางคณะตรวจสอบฯ ได้ส่งให้ป.ป.ช., กระทรวงการคลัง และนายกรัฐมนตรีนั้น ยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ใครเป็นผู้กระทำผิดบ้าง เพราะมีเวลาตรวจสอบเพียง 43 วัน เนื่องจากในขณะนั้น บริษัท การบินไทยฯ ได้เปลี่ยนฐานะไม่ใช่รัฐวิสาหกิจแล้ว และทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้แจ้งว่า คณะตรวจสอบฯชุดนี้ ไม่สามารถตรวจสอบได้แล้ว จึงต้องหยุดการตรวจสอบไป ทั้งนี้เบื้องต้น จากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงใน 6 ด้าน พบว่ามีผู้กระทำผิดด้านละ 2-3 ราย รวมแล่วน่าจะมีผู้ส่อกระทำความผิด ประมาณไม่เกิด 20 คน ซึ่งต้องตรวจสอบว่าใครมีส่วนรับผิดชอบในด้านใด ก็ถือว่าอยู่ในข่ายที่จะต้องสืบสวนออกมาให้ชัดเจนว่าผิดหรือไม่