นายกรัฐมนตรีฯ ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2563 เคาะเพิ่มกรอบวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/2564 รอบที่ 1เป็นจำนวนรวม 4.68 หมื่นล้านบาท ลั่นขอช่วยเกษตรกร-ชาวนา อย่างรอบคอบและจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเด็ดขาด กำชับต้องวิจัยและพัฒนาพันธ์ุข้าวอย่างเป็นระบบ ให้ไทยมีพันธุ์ข้าวใหม่ๆ เกษตรกรได้ รัฐได้ ใช้งบประมาณคุ้มค่า
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 5/2563 ที่ประชุมเห็นชอบปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/2564 รอบที่ 1 จากที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเบื้องต้น เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 จำนวน 18,096.06 ล้านบาท เพิ่มเติมอีก 28,711.29 ล้านบาท เป็น 46,807.35 ล้านบาท โดยจะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเผยว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานบอร์ด นบข. ยืนยันรัฐบาลดูแลคนทั้งประเทศโดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกร กำชับทุกฝ่ายให้ช่วยกันดูแล ให้ดำเนินการอย่างโปร่งใส สุจริต และสามารถตรวจสอบ ขณะเดียวกันก็ต้องส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวอย่างเป็นระบบ ให้ไทยมีพันธุ์ข้าวใหม่ๆ เกษตรกรได้ประโยชน์ รัฐบาลก็สามารถลดภาระด้านงบประมาณ ทำให้มีการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า
พร้อมทั้งมอบหมายธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และกระทรวงพาณิชย์ จัดทำรายละเอียดโครงการ และงบประมาณให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตรวจสอบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปริมาณผลผลิต ประมาณการณ์วงเงินที่ใช้ เพื่อให้การจ่ายเงินถูกต้องครบถ้วน
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ให้มีการติดตามการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าว โดยขอให้ทุกหน่วยงานต้องรายงานต่อที่ประชุมทุกสามเดือน เริ่มตั้งแต่การประชุมนัดต่อไป
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบให้ปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 เพิ่มอีก 28,711 ล้านบาท จาก 18,096 ล้านบาท เป็น 46,807.35 ล้านบาท
สำหรับกรอบวงเงินที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 46,807.35 ล้านบาท แบ่งเป็นโดยประมาณ
-ค่าดำเนินการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง โดยใช้แหล่งเงินทุนของ ธ.ก.ส. จำนวน 17,676 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก จำนวน 28,078 ล้านบาท เป็น 45,754 ล้านบาท,
-ค่าใช้จ่ายในการชดเชยต้นทุนเงิน ธ.ก.ส. 397 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก 631 ล้านบาท เป็น 1,029 ล้านบาท และ
-ค่าบริหารจัดการ ธ.ก.ส. 21 ล้านบาท ขอวงเงินเพิ่มเติมอีก 1.09 ล้านบาท เป็น 22 ล้านบาท