นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียโกรธ และออกมาเรียกร้องขอคำขอโทษจากจีน หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงจีนเผยแพร่ภาพสยอง กองกำลังพิเศษของออสเตรเลียที่ปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถาน สังหารประชาชนและนักโทษอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างน้อย 39 ราย นายกฯชี้ว่าเป็นภาพข่าวปลอม (Fake news)ทำให้ประเทศออสเตรเลียเสียหาย นานาชาติเข้าใจผิด ผลการตัดสินที่สอบสวนมา 1 ปี ศาลสั่งลงโทษปลดประจำการทหาร 13 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว ซึ่งโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนย้ำว่า รัฐบาลออสเตรเลียควรละอายกับการกระทำของทหารตัวเองมากกว่า กลัวเสียภาพพจน์
สำนักข่าวแชนแนลนิวส์เอเชียรายงานว่า นายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน แห่งประเทศออสเตรเลีย จัดงานแถลงข่าวในวันจันทร์ที่ 30 พ.ย. 2563 ประณามจีนที่โพสต์ภาพปลอม แสดงให้เห็นทหารออสเตรเลียถือมีดเปื้อนเลือดจ่อคอเด็กชาวอัฟกานิสถานบนทวิตเตอร์ และโดยทวิตเตอร์ลบโพสต์เนื่องจากรัฐบาลออสเตรเลียแจงว่าเป็นภาพข่าวปลอม
นายมอร์ริสันกล่าวว่า รัฐบาลกรุงแคนเบอร์ราได้ขอให้ทวิตเตอร์ลบภาพดังกล่าว ซึ่งถูกเผยแพร่ผ่านทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของนาย จ้าว หลี่เจียน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของประเทศจีน ในวันเดียวกันและกำลังเรียกร้องขอคำขอโทษจากประเทศจีนด้วย
“นี่เป็นเรื่องที่น่าโกรธเคืองอย่างที่สุด และไม่อาจหาความชอบธรรมใดๆ ได้ รัฐบาลจีนควรอับอายที่โพสต์รูปนี้ เพราะมันทำให้พวกเขาเสื่อมเสียในสายตาชาวโลก” นายมอร์ริสันกล่าว และเสริมด้วยว่า การกระทำเช่นนี้ไม่นำพาไปสู่ความสัมพันธ์ใดๆ เลย และเป็นการใส่ร้ายทหารออสเตรเลียอย่างน่ารังเกียจด้วย
พูดเรื่องจริงแต่โกรธเรื่องภาพ-ว่าปลอม?
กรณีการโพสต์ภาพล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อน ออสเตรเลียได้ปลดทหาร 13 นาย หลังการสืบสวนนานกว่า 1 ปีชี้ว่า กองกำลังพิเศษของออสเตรเลียที่ปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถาน ได้สังหารประชาชนและนักโทษอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างน้อย 39 ราย
จ้าวได้ทวิตข้อความว่า “รู้สึกช็อคกับการฆาตกรรมนักโทษและประชาชนอัฟกานิสถานโดยทหารออสเตรเลีย เราขอยืนยันอย่างยิ่งให้บังคับใช้กฎหายและชดใช้กับเหยื่อผู้ถูกกระทำ”
การทวิตเพื่อนำเสนอข่าวคราวต่างๆอย่างย่อ โดยโฆษกหญิงแห่งกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวโต้การแถลงของนายกฯออกเตรเลียว่า “รัฐบาลออสเตรเลียต่างหากที่ควรจะรู้สึกละอายต่อการสังหารที่ทหารออสเตรเลียของพวกเขากระทำต่อประชาชนชาวอาฟกานิสถาน”
จีน-ออสเตรเลียสัมพันธ์บาดหมาง เดินตามวาระวอชิงตัน
ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับจีนเลวร้ายลงนับตั้งแต่ แคนเบอร์ราเรียกร้องให้นานาชาติสืบสวนต้นตอการระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามท่าทีสหรัฐ และบานปลายกลายเป็นการตอบโต้ทางการค้า ต่างฝ่ายต่างตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของอีกฝ่าย ล่าสุดรบ.จีนลงดาบ เริ่มขึ้นภาษีไวน์นำเข้าจากออสเตรเลีย พุ่งเป็น 212% ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. ซึ่งเป็นมาตรการชั่วคราวในการตอบโต้การทุ่มตลาดไวน์จากออสเตรเลีย
ออสเตรเลียได้เข้าร่วมกับสหรัฐอเมริกา อินเดียและญี่ปุ่นในการฝึกซ้อมรบร่วมทางทะเล รหัสมาลาบาร์ เมื่อวันที่ 5 พ.ย.เป็นครั้งแรกที่เข้าร่วมตั้งแต่ปี 2550ในขณะ ที่จีนแสดงความไม่พอใจในการเข้าร่วมซ้อมดังกล่าว