ชะตากรรมผู้นำม็อบฮ่องกง-โจชัว หว่องมีคุกเป็นที่หมายในวัย 24 ปี ถูกขังเดี่ยว เพราะตรวจพบวัตถุแปลกปลอมในช่องท้อง รอผลตรวจ ขณะเพื่อนอีก 2 คนแยกขังปกติ ทั้งสามรอฟังคำพิพากษาจากศาลวันที่ 2 ธ.ค.หลังจากทั้งหมดรับสารภาพทุกข้อหา ทำให้อาจได้รับโทษสูงสุดจำคุก 5 ปี
สนข.ต่างประเทศรายงานจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน วันที่ 27 พ.ย.ว่า นสพ.ดีเวลท์เดลี ของเยอรมนี เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของโจชัว หว่อง ผู้นำกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้นำม็อบฮ่องกงต่อต้านรัฐบาลจีน ถูกคุมขังอยู่ที่ ทัณฑสถาน ไล่ ฉี ก๊อกได้ตอบคำสัมภาษณ์สื่อของเยอรมนี(นสพ.ดี เวลต์ เดลี)ว่า เขาถูกขังเดี่ยวภายในห้องที่เปิดไฟตลอดเวลา แต่เขาแจงว่าสบายดี เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ตรวจพบวัตถุแปลกปลอมในช่องท้องของเขา จึงต้องรอผลตรวจว่าเป็นอะไรก่อน ขณะเพื่อนอีก 2 คนที่ถูกจับพร้อมเขาคือนายอีวาน หล่ำและนางสาวแอกเนส จ้าว ซึ่งถูกดำเนินคดีเนื่องจากจัดการชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต และปลุกระดมทางการเมือง บริเวณสำนักงานตำรวจฮ่องกง เมื่อเดือนมิ.ย.2562
เมื่อวันจันทร์ (23 พ.ย.) หว่องยอมรับสารภาพทุกข้อหา ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ในข้อหาความผิดเกี่ยวกับการจัดการประท้วง, การเข้าร่วมการประท้วง และการยุยงผู้อื่นให้เข้าร่วมการประท้วงที่มิได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ที่บริเวณด้านนอกกองบัญชาการตำรวจฮ่องกงเมื่อเดือนมิ.ย.2563
หว่อง วัย 24 ปี พร้อมกับ 2 แกนนำ อีแวน ลัม และ แอกเนส โจว ถูกศาลสั่งควบคุมตัวเข้าเรือนจำเพื่อรอกำหนดระวางโทษซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคม ทำให้ดูจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าพวกเขาจะเจอโทษจำคุก ทั้งนี้ ผู้มีความผิดฐานเข้าร่วมในการชุมนุมอย่างผิดกฎหมายอาจถูกลงโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 5 ปี โดยขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการกระทำความผิด อย่างไรก็ดี ศาลแขวงซึ่งเป็นสถานที่ พิจารณาคดีนี้นั้น ปกติแล้วสามารถสั่งจำคุกจำเลยได้ไม่เกิน 3 ปี
ทั้งนี้ หว่อง เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ดีเวลท์ฯ ว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องขังเดี่ยวหรือพบปะกับนักโทษคนอื่นๆ รวมถึงห้ามเล่นกีฬาด้วย “เพราะแสงไฟในห้องขังสว่างจ้า 24 ชั่วโมง มันเป็นเรื่องยากที่ผมจะนอนหลับ” หว่อง เขียนจดหมายตอบจากเรือนจำ
“ผมจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยปิดตาเพื่อจะได้นอนหลับ” หว่องเขียนในจดหมาย พร้อมบอกว่าไม่คาดหมายว่าจะได้รับการพิจารณาคดีที่ยุติธรรม “ผมสูญเสียความเชื่อมั่นในระบบกฎหมายนี้มานานแล้ว” หว่องระบุ
เมื่อปี 2562 ศาลฮ่องกงพิพากษาจำคุกนายหว่อง ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเดโมซิสโตซึ่งปัจจุบันได้ปิดตัวเองไปแล้ว เป็นเวลา 6 เดือน ฐานชุมนุมโดยผิดกฎหมาย แต่ได้รับการลดโทษลงเหลือ 2 เดือน และได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2563 และกลับมาเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยต่อทันที ซึ่งทำให้เขาถูกจับกุมและดำเนินคดีอีกครั้งไม่นานหลังจากได้รับอิสรภาพ
เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายหว่องประกาศยุบพรรคเดโมซิสโตที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นเกือบจะทันทีหลังจากที่รัฐสภาของจีนผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติมาบังคับใช้ในฮ่องกง กฎหมายฉบับนี้ระบุว่าผู้ที่มีพฤติกรรมแบ่งแยกดินแดน ล้มล้างอำนาจ ก่อการร้ายและสมรู้ร่วมคิดกับกกองกำลังต่างชาติหรือกองกำลังจากภายนอกต้องได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต หลังจากนั้นไม่นานเขาและนักเคลื่อนไหวเรียกร้องแยกประเทศรวม 12 คน ก็ถูกทางการฮ่องกงตัดสิทธิไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งสภานิติบัญญัติเพราะขาดคุณสมบัติ เนื่องจากมีพฤติกรรมสนับสนุนหรือส่งเสริมฮ่องกงให้ได้แยกตัวเป็นอิสระจากจีน และให้รัฐบาลต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง เป็นต้น
ในประเทศไทย ตลอดเวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีการชุมนุมเรียกร้องของม๊อบสารพัดชื่อจนท้ายสุดชื่อม็อบ 3 นิ้ว นายหว่องยังคงป่วนข้ามโลกเป็นระยะ การประท้วงของฮ่องกงและพ่ายแพ้ แพร่มาประเทศไทยไม่ใช่ความบังเอิญ พันธมิตรการเคลื่อนไหว การใช้สื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อสร้างความชอบธรรม อย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีเป้าหมายต้านอิทธิพลแกจีนอย่างเป็นระบบเห็นภาพชัดเจนมาก ในที่สุดแกนนำม็อบผู้เอาการเอางานอย่างหว่องและพวกก็ต้องจบลงที่คุกในวัยไปถึง 30 ปี