ธนกร เสียใจเหตุยิงกันในม็อบ วอนอย่าโยนบาปให้รัฐบาล โต้เดือด ส. ศิวรักษ์ ทนฟังม็อบจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อย่างไร
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือส. ศิวรักษ์ กล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใช้มาตรา112 กับคณะราษฏรถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีว่า ตนอยากจะถามนายสุลักษณ์ว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า นายสุลักษณ์ไปร่วมม็อบแต่ไม่ได้ยินหรือว่าแกนนำม็อบใช้วาจาหยาบคายจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไร เป็นการกระทำที่ย่ำยีหัวใจคนไทยทั้งประเทศ เป็นการทำผิดกฏหมายอย่างชัดเจนที่สุด ซึ่งไม่ใช่การปฏิรูป
ที่สำคัญ ประชาชนผู้จงรักภักดีเป็นคนไปแจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา112 เพราะทนไม่ได้ที่แกนนำม็อบจาบจ้วงสถาบันอันเป็นที่รักและศรัทธาของคนไทยทุกคน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องดำเนินการ ไม่เช่นนั้นอาจเข้าข่ายมาตรา 157 นายสุลักษณ์เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ท่านทนฟังแกนนำม็อบใช้ถ้อยคำด่าสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อย่างไร การเห็นต่างทางการเมืองเป็นความสวยงามในระบอบประชาธิปไตย แต่การจาบจ้วงสถาบันนั้นทำลายหัวใจคนไทยทั้งประเทศ เพราะชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์คือเสาหลักของประเทศ
นายธนกร กล่าวอีกว่า ตนรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมากที่เห็นพฤติกรรมของแกนนำม็อบคณะราษฏรเหิมเกริมหนักข้อขึ้นทุกวันจนพี่น้องคนไทยทั่วประเทศออกมาเคลื่อนไหวเพราะทนไม่ได้กับพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน หากบานปลายความเสียหายจะตกอยู่กับประเทศทันที โดยเฉพาะหากเกิดความรุนแรงหรือม็อบชนม็อบ ตนไม่เข้าใจน้องๆนักศึกษาว่า ทำไมเห็นพฤติกรรมของแกนนำ ไม่ว่าจะเป็นนายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน นายอานนท์ นำพา และนายภานุพงษ์ จานนอก หรือไมค์ ระยอง แล้วยังคงยกย่องชื่นชมอยู่ ทั้งที่ไม่เคยทำอะไรให้กับประเทศชาติและประชาชนเลย
อยากให้น้องๆ นักศึกษาที่รักประเทศทบทวนการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ตนเห็นใจพล.อ.ประยุกธ์ที่พยายามประคับประคองให้ประเทศเดินหน้า เพราะการชุมนุมทำให้เศรษฐกิจเสียหาย ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการสัญจรไปมา และเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องอดทนทำงานดูแลผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตาม ตนเสียใจที่เกิดการยิงกันหลังม็อบเลิก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนอยู่ แต่ขอว่าอย่าโยนความผิดให้รัฐบาลอีก เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลทุกฝ่ายให้ปลอดภัย