ดร.กิตติธัช เบิกเนตร ปม พ.ร.บ.ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ หลังถูกบิดเบือนมาตลอดหลายสิบปี!?!

3391

ดร.กิตติธัช เบิกเนตร ปม พ.ร.บ.ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ยุติความ “อิหลักอิเหลื่อ” ตลอดหลายสิบปี ที่ถูกนำไปโจมตีจากกลุ่มต่อต้านสถาบันฯ

จากกรณีที่กลุ่มคณะราษฎร ได้ประกาศว่าจะมีการชุมนุมใหญ่บริเวณหน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ชุมนุม โดยประกาศว่าจะไปชุมนุมที่สำนักงานใหญ่ SCB ในเวลา 15.00 น. โดยอ้างว่าเพื่อลดการปะทะจากม็อบจัดตั้ง จนทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ สาขารัชโยธิน แจ้งปิดทำการ 1วัน ในวันที่ 25  พฤศจิกายน 2563 

ล่าสุดทางด้าน ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ถึงกรณี พ.ร.บ.ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2561 โดยระบุข้อความว่า

ลายคนยังไม่ทราบว่านี่คือ สาระสำคัญที่สุดของ พ.ร.บ.ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2561
โดยเป็นเนื้อหาที่ยุติความ “อิหลักอิเหลื่อ” ตลอดหลายสิบปี ของ พ.ร.บ.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่คณะราษฎรออกมา โดยไปยึดเงินราชวงศ์มาบอกว่าเป็น “ทรัพย์สินแผ่นดิน” แล้วพวกตนตั้งคนเข้าไปบริหารจัดการกันเองจนเละเทะ (ก่อนแย่งทรัพย์สินนั้นจนทะเลาะกันเอง)
—————
แม้คณะราษฏรจะหมดอำนาจไป และฝ่ายขวาขึ้นมาแทนหลังจากปี 2490 แต่กฎหมาย พ.ร.บ.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ก็ยังมีสถานะ “อิหลักอิเหลื่อ” มาตลอดหลายสิบปี
คือเป็นสมบัติของราชวงศ์ แต่ก็บอกว่าเป็นของแผ่นดิน และไม่เสียภาษี แต่ก็มีกิจการต่างๆ ที่เป็นธุรกิจ การลงทุน และทำกำไรมากมาย จนถูกนำไปโจมตีจากกลุ่มนักวิชาการกลุ่มต่อต้านสถาบันฯ
—————
หลังรัชกาลที่ 10 ขึ้นครองราชย์ ท่านให้แก้ความ “อิหลักอิเหลื่อ” นี้เสีย ด้วยการทำให้มันถูกต้องชัดเจน คือ ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ก็คือของพระมหากษัตริย์ (แต่แยกเป็นทรัพย์สินในพระองค์ กับ ในพระมหากษัตริย์ หรือส่วนตัว กับ ส่วนราชวงศ์) และทั้งหมดนั้น “เสียภาษี” ให้กับแผ่นดิน ยุติความอิหลักอิเหลื่อตลอดหลายสิบปี
ตั้งแต่ พ.ร.บ.2561 สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ได้กลับมาเสียภาษีให้ภาครัฐเป็นจำนวนมหาศาลทุกปี ซึ่งทำให้รัฐได้เงินภาษีไปใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินเพิ่มอีกจำนวนมาก