นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้… ระบุว่า “ฝากพิจารณาตามที่เห็นควรด้วยครับ เผื่อเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยครับ ผมแอบเข้าไปสังเกตการณ์ในม็อบ 3 ครั้ง
พบว่า บางส่วนเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่ไม่มีใครสนใจแก้ไข เขาจึงถูกดึงมาร่วมกัน ถ้าเราแก้ไขปัญหาเล็กน้อยอย่างจริง ๆ จัง ๆ อย่าคิดว่าเขาได้คืบเอาศอก เช่น
1) ปัญหาทรงผมเด็กผู้ชายง่ายมากครับ รมต.ศธ. ประกาศให้นร.ชาย มีทรงผมรองทรงหรือรองทรงสูง ส่วนรร.พิเศษ เช่น วชิราวุธ หรือต้องเรียน รด. ให้ตัดผมตามที่ระเบียบแต่ละแห่งกำหนดโดยข้อยกเว้นนั้นให้แจ้ง สพฐ. หรือกระทรวง ทราบ และถ้าจะไว้ยาวมากกว่านั้นให้ผู้บริหารโรงเรียน กรรมการนักเรียน กรรมการสมาคมผู้ปกครอง ประชุมและมีมติร่วมกัน เสนอให้ สพฐ. และ ศธ.ทราบเท่านั้นพอครับ
2) ปัญหาทรงผมเด็กหญิง ควรเร่งหาข้อยุติ
แบ่งระดับชั้น ประถมศึกษา มัธยมต้น มัธยมปลาย และควรให้เด็กๆมีส่วนร่วมเช่นร่วมกันโหวตทรงผมนักเรียนหญิงและเลือก 3 อันดับแรก ให้ ศธ.ประกาศใช้เป็นทรงผมที่อนุญาต มีเงื่อนไขเช่นห้ามย้อมสีหรือดัด ส่วนถ้าจะมีแบบทรงผมเกินจากนั้น ให้ทำความเห็นยกเว้นแบบเดียวกันกับข้อ1)
3) เรื่องการแต่งกาย ควรทำสำรวจความเห็น นักเรียนทั่วประเทศและผู้ปกครอง ว่าเห็นควรให้แต่งกายไปรเวทบ้างหรือไม่กี่วัน ให้ได้ข้อยุติโดยเร็วใน 3-4 สัปดาห์ จากนั้นประกาศโดย ศธ.เช่นกัน โดยมีเงื่อนไขในการแต่งกายไว้ด้วย หากรร.ใดจะมีข้อยกเว้นให้ปฏิบัติตามแบบข้อ1)
4) ควรสังคายนาหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายอย่างจริงจัง ไม่ควรแบ่งเด็กเป็น สายวิทยาศาสตร์ สายศิลป์คำนวณ สายศิลป์ภาษา แบบเดิมแล้ว เพราะปิดกั้นโอกาสเด็กในการศึกษาในมหาวิทยาลัยแต่ต้นทาง
ควรจัดการเรียนการสอนวิชาพื้นฐานเหมือนกันทั่วประเทศ และเพิ่มวิชาเลือกหลักรอง วิชาเลือกเสรีให้กับเด็กที่ต้องการเข้ามหาวิทยาลัยแต่ละสาขาเฉพาะทางขึ้น
5) ควรให้ความสำคัญกับนักเรียนอาชีวะ ยกระดับและปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับการเรียนรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่และเพิ่มการเรียนในสถานประกอบการจริงจัง มากกว่าในโรงเรียน
6) สร้างกลไกและมาตรการดูแลความปลอดภัยในโรงเรียนให้กับเด็กนักเรียน มิให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศ รวมถึงการปกป้องสิทธิเด็กอย่างจริงจัง เปิดพื้นที่รับฟังสื่อสารสองทางมากขึ้นในโรงเรียนและวิทยาลัย
ผมลองยกตัวอย่างบางประการที่ผมพอมีข้อมูลและเชื่อว่า ถ้าเราแก้ไขปัญหาให้เด็กนักเรียนอย่างจริงจัง พวกเขาจะเข้าใจและถอยห่างจากการชุมนุมที่นับวันจะก้าวร้าวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ครับ”