จากที่ ดร.จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ #save สมเด็จพระพันปีหลวง ล่าสุดได้โพสต์ถึงเรื่องราวการชุมนุม และการใช้ถ้อยคำที่หยาบคายโดยเฉพาะกับบุคคลสำคัญที่สูงอายุมากแล้ว
จากการชุมนุมที่ผ่านมา คิดว่าการชุมนุมที่กำลังไปได้สวย โดนทำลายด้วยความหยาบคายถ่อยเถื่อนของคนไม่กี่คนและสงสัยว่าเด็กๆเหล่านี้โตมาจากครอบครัวแบบไหน ที่เอาคำอวัยวะเพศออกมาพ่นในที่สาธารณะ และก่นด่าบุคคลสำคัญที่อายุเกือบ 90 ปีแก่กว่าปู่ย่าตายายของตนอีก ที่ทำคุณประโยชน์มากมายแก่ประเทศชาติ ซึ่งเทียบกันไม่ได้เลยกับตัวเอง เอาเรื่องที่ไม่ใช่ความจริงจากคนที่ไปใส่ร้ายท่านมาก่นด่าท่านอย่างน่าสมเพชคนพูด ไม่ได้เท่หรือทำให้ตนเองดูดีเลย กลับทำให้ตนเองตกต่ำด้วยซ้ำ
สมเด็จพระพันปีหลวงท่านเป็นไอคอนของคนครึ่งโลกในยุคก่อน เทียบเท่าสตรีชั้นนำของโลก ท่านไม่ได้นั่งสวยและรวยไปวันๆ ใช้ชีวิตหรูหรา แบบไฮโซ หรือนักการเมืองบางคน แต่บุกป่าฝ่าดงไปถิ่นที่ไม่มีไฟฟ้าน้ำปะปาทั้งร้อนทั้งฝุ่นเป็นสิบๆปี เพื่อช่วยชาวบ้าน ไม่รู้ว่าน้องๆเคยไปทุกจังหวัดหรือ เคยเข้าป่าเขาไม่มีเนตใช้ ไม่มีแอร์ เดินขึ้นเขาไปเป็นกิโลๆ ไม่มีที่เชคอิน มีแต่บ้านโทรมๆโย้เย้ ชาวบ้านจนๆ ท่านนั่งคุยด้วยอย่างไม่รังเกียจ เพื่อซักว่าไปทำนาแล้วลูกอยู่กับใคร ถ้าจะมาทอผ้าช่วงไม่ได้ทำนาจะได้ไหมฯลฯ รับช่วยคนที่เดือดร้อน และรับซื้อของชาวบ้านราคาแบบขาดทุน แล้วท่านทรงบอกว่า “ขาดทุนคือกำไร”
ท่านทรงฟื้นฟูศิลปหัตถกรรมของชาติ เช่นโขน ดนตรีต่างๆ งานจักสาน ถักทอ ผ้าไหม ผ้าทอ ผ้ามัดหมี่ งานช่างสิบหมู่ ฯลฯ มิให้สูญสลายไป เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นรายได้เลี้ยงชาวบ้านให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนับล้านคน
สมัยก่อนท่านทรงอ่านนสพ.เห็นใครเดือดร้อนท่านสั่งให้ไปช่วยหมด มีประชาชนมากมายที่รับพระมหากรุณาธิคุณรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ หมดเดือนละเป็นล้านๆ คนสมัยก่อนเขาถึงรักท่านมาก หาคนแบบนี้ไม่มีแล้ว
สมเด็จฯท่านไม่เคยอยากได้ของใคร อย่าไปเชื่อเรื่องเพชรซาอุ ขนาดคนเอาเครื่องเพชรมาถวายดีกว่านั่นเยอะ เพราะอยากเป็นคุณหญิง ท่านยังให้เอาไปคืน ไม่มีทาง 1000%ที่ท่านจะเอามา ท่านทรงมีเงิน ทรงซื้อเองได้ เครื่องเพชรของสมเด็จพระพันปีหลวง ในรัชกาลที่5 ที่ท้องพระคลังมีเป็นห้องๆ งามกว่านั่นเยอะ ราชวงศ์จักรีเก่าแก่ มีของเครื่องประดับเยอะ ของราชวงศ์ต่างประเทศเพิ่งจะรวยใหม่ๆจะไปสู้ได้ไง ใครใส่ร้ายท่านเรื่องนี้บาปเหลือเกิน
น้องๆควรทราบแก่ใจว่านักการเมืองมาแล้วก็ไป ทำอะไรก็เพราะต้องการเสียง แต่ท่านทรงทำแบบนี้มานาน70ปี โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน ผลงานท่านมีมากมาย กาชาดทำอะไรก็ท่านบัญชานั่นแหละ ตอนเขมรแดง มีผู้อพยพมาเป็นแสน ท่านสั่งตั้งศูนย์กาชาดช่วยผู้อพยพที่เขาล้าน ท่านช่วยเหลือพวกเขามากมาย องค์การสหประชาชาติยังสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและถวายเหรียญ “เซเรส” เพื่อสดุดีท่านมาแล้ว มีอะไรอีกมากมายที่ท่านได้ทำคุณูปการให้กับแผ่นดิน
ดิฉันเศร้าใจกับความไม่มีสำนึกและความคิดของเด็กเหล่านี้ หวังว่าประเทศจะมีทางออก และคิดว่าน้องๆไม่เข้าใจประชาธิปไตยที่พูดกันโครมๆ ไม่ยอมรับใครที่คิดต่างไม่ใช่พวกตน หาว่าเป็นสลิ่ม ไม่เข้าใจโลกใบนี้ว่านอกจากสลิ่มแล้ว ยังมีลอดช่อง บัวลอย ทับทิมกรอบ น้ำแข็งใส ฯลฯซึ่งเป็นความสวยงามของการอยู่ร่วมกันในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นี่คือประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบเผด็จการโซเชียลอย่างที่น้องๆเป็นอยู่
การทำลายของสาธารณะเป็นความแย่ของทุกม็อบ ซึ่งเด็กรุ่นใหม่ควรจะมีความคิดสร้างสรรค์กว่านี้ ไม่ควรเดินตามความไม่ดีของรุ่นป้าๆลุงๆ แต่ม๊อบนี้ก็ค่อนข้างดีตรงไม่ได้ก้าวร้าวท้าตีต่อย มีการ์ดพร้อมอาวุธ มาแล้วก็เลิก ไม่มานอนเล่นปิดถนนทำความเดือดร้อนให้กับคนอื่นๆ เหมือนที่แล้วมา คืออะไรดีก็ต้องชม
ขอให้เตือนสติซึ่งกันและกัน อะไรจะเกินเลย ขอให้น้องๆในม็อบช่วยกันเบรค เพราะถ้าล้ำเส้นมากๆ สิ่งที่น้องๆพยายามจะสูญเปล่านะ เพราะกระแสจะตีกลับ คนส่วนใหญ่จะรับไม่ได้ อย่านึกว่าตนเองเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ อย่าเชื่ออะกอริทึ่มของโซเชียลให้มากนัก เพราะมันจะฟีดมาแต่ข้อมูลที่น้องชอบ ขอให้สันติ ไม่หยาบคาย ไม่ก้าวร้าวไปถึงสถาบัน แล้วน้องจะทำสำเร็จ ขอให้ทำสิ่งที่ดีกับประเทศนะคะ
ขณะที่เฟซบุ๊ก เจ้าหญิง ราพันเซล ระบุถึงประวัติ ดร.จินตนันท์ ไว้เบื้องต้นอย่างน่าสนใจว่า ดร.จินตนันท์ นี่เขาเป็นลูกสาวของท่านผู้หญิงพึงจิตต์ ศุภมิตร ซึ่งเป็นคุณข้าหลวงคนแรกในสมเด็จพระพันปีหลวง โตมาในวัง เข้าวังตั้งแต่อายุ 10 วัน เพราะแม่ยังคงต้องถวายงาน และเริ่มตามเสด็จตั้งแต่อายุ 8 ขวบ
ที่มา : เฟซบุ๊ก ดร.จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร
