“ไพศาล” ซัด “พวกทำเป็นทองไม่รู้ร้อน” สาเหตุ ม็อบล้มเจ้ากำเริบ

2444

ม็อบคณะราษฎร เริ่มเผยจุดยืนที่แท้จริงว่าคือการล้มล้างสถาบัน โดยการที่ก่อนหน้านี้เหล่าแกนนำได้ย้ำว่าข้อเรียกร้องที่สำคัญที่สุดคือ การปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

และยังคงเพิ่มเพดานการจาบจ้วงล่วงเกินไม่หยุดหย่อน รวมถึงการประท้วงทที่ค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อย โดยเพราะม็อบในวันที่ 18 พ.ย. บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีการเขียนข้อความ ฉีดพ่นสีสเปรย์ ข้อความจ้าบจ้วงล่วงเกินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกินเลยไปถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งถูกนำมาเผยแพร่และวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลาย

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกแถลงการณ์ บังคับใช้กฎหมายทุกฉบับ ทุกมาตราที่มีอยู่ ไม่ยกเว้น และจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการต่อผู้ชุมนุมที่กระทำ ความผิดฝ่าฝืนกฎหมาย เพิกเฉยต่อการเคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยจะดำเนินคดีต่าง ๆ ให้ เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ที่สอดคล้องกับหลักการสากล
ซึ่งการไม่ยกเว้น อาจหมายถึงการนำ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ไม่ได้นำมาใช้เป็นเวลาหลายเดือน กลับมาบังคับใช้อีกครั้ง

ล่าสุด นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol
“พวกล้มเจ้าเคลื่อนไหวมาเป็นปี!!!!
กระทำผิดกฎหมายมากมายหลายฉบับ แม้กระทั่งกบฏซึ่งมีโทษถึงขั้นประหารชีวิต!
แต่ถึงวันนี้ไม่มีใครถูกจำคุก หรือถูกคุมขัง!!! ทุกคนยังลอยนวล!
และยังข่มขู่รุนแรงขึ้น
กำเริบเสิบสาน เปิดหน้าชนสถาบันพระมหากษัตริย์ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย!

เหตุบานปลายไม่ใช่เพราะไม่มีกฎหมาย หรือเพราะไม่ใช้มาตรา112
แต่เป็นเพราะคนจำพวกหนึ่งวางตัวเป็นกลาง ใส่เกียร์ว่าง ไม่ทำหน้าที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติและตามที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย
พวกล้มเจ้าจึงก่อการกำเริบเสิบสานถึงปานนี้****
ฟังดูสิครับเสียงก่นด่า”ตาอยู่” กระหึ่มทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว!”