บอร์ดกขค.เสียงส่วนน้อยแจง!?! ค้านซีพีควบรวมโลตัสผูกขาด ครอบงำตลาดและกระทบโครงสร้างเศรษฐกิจไทยร้ายแรง

1816

บอร์ดการค้าเสียงข้างน้อยแจงเหตุผลค้านรวมธุรกิจ เพราะผู้ขอ(ซีพีกรุ๊ป) มีธุรกิจครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศอย่างร้ายแรง เกิดการผูกขาดครอบงำตลาด แต่เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ผูกขาดอ้างมีเงื่อนไขควบคุม เสียงค้านและคำถามจะกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆว่าหน่วยงานรัฐบาลมีฐานความคิดเรื่องระบบผูกขาดว่าอย่างไร  การค้าปลีกซึ่งวงจรชีวิตของเศรษฐกิจเกี่ยวข้องตั้งแต่คนฐานรากซึ่งเป็นผู้ผลิต  ผ่านกลไกห่วงโซ่อุปทานที่ควบคุมโดยทุนยักษ์ กว่าจะถึงมือผู้บริโภค ทั้งหมดนี้ให้อยู่ในมือคนกลุ่มเดียว แล้วถือว่าไม่ผูกขาดทั้งยังปล่อยเสรีให้กินรวบ จับตาแรงกระเพื่อมต่อจากนี้

นายสันติชัย  สารถวัลย์แพศย์​  กรรมการการแข่งขันทางการค้าและโฆษกคณะกรรมการ ในฐานะกรรมการเสียงข้างน้อย เปิดแถลงข่าวถึงเหตุผลการลงมติไม่เห็นชอบการอนุญาตให้รวมธุรกิจของกลุ่มซีพและเทสโก โลตัส ว่า “การรวมธุรกิจในครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ”  

  1. เนื่องจากการรวมธุรกิจมีโอกาสทำให้เกิดการผูกขาดหรือครอบงำทางเศรษฐกิจขึ้นได้

ทั้งนี้เพราะ ผู้ขออนุญาตมีสถานะเป็นผู้ผลิตสินค้าสำคัญหลายประเภททั้งในส่วนของสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพในชีวิตประจำวันตั้งแต่ระดับต้นน้ำถึงปลายน้ำ เมื่อผนวกรวมกับธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในระดับสูงทุกรูปแบบการค้า ตั้งแต่ระดับค้าส่ง ค้าปลีกขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายสำคัญที่จะกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภค ด้วยปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ผู้ขออนุญาตมีอำนาจเหนือตลาดสูงมากจนสามารถครอบงำเศรษฐกิจการค้าของประเทศได้โดยง่าย

  1. ผลกระทบต่อคู่แข่ง โดย(Competitors) ผู้ขออนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาดและมีส่วนแบ่งตลาดในระดับสูงทุกรูปแบบของการค้าส่งและค้าปลีก จะทำให้ผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่มีอยู่หรือผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดจะยิ่งเข้าสู่ตลาดยากยิ่งขึ้น

นายสันติชัย กล่าวว่า 

  1. ผลกระทบต่อผู้ผลิตสินค้าหรือวัตถุดิบ (Suppliers) การรวมธุรกิจในครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบ เนื่องจากเป็นการรวมธุรกิจระหว่างผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่รายใหญ่ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด โดยภายหลังการรวมธุรกิจส่งผลให้ผู้ขออนุญาตและบริษัทในเครือเป็นผู้ประกอบธุรกิจร้านจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคครบทุกรูปแบบ ทั้งร้านค้าส่ง ร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าปลีกขนาดเล็ก อันเป็นผลให้ผู้ขออนุญาตมีอำนาจเหนือตลาดและมีอำนาจต่อรองกับผู้ผลิตสินค้าหรือวัตถุดิบ (Supplier) มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้ผลิตที่เป็น SMEs.ที่อาจไม่มีอำนาจต่อรองมาก จึงมีโอกาสสูงที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรมในการกำหนดเงื่อนไขทางการค้า หรืออาจอยู่ในภาวะจำยอมที่จะต้องรับเงื่อนไขตามที่ผู้ขออนุญาตรวมธุรกิจเสนอ 
  2. ผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยรวม ผลของการรวมธุรกิจครั้งนี้ทำให้จำนวนคู่แข่งขันในตลาดลดน้อยลง แม้ว่าในระยะสั้นอาจไม่มีผลต่อผู้บริโภคทั้งในด้านราคาหรือประเภทสินค้าที่มีให้เลือก แต่ในระยะยาวแล้วอาจมีผลต่อทางเลือกของผู้บริโภคทั้งประเภทชนิดสินค้าและระดับราคา อาจมีการกำหนดตามความต้องการหรือนโยบายของกลุ่มบริษัทที่เป็นของผู้ขออนุญาต นอกจากนี้ หากมีการลงทุนเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในตลาดค้าส่งค้าปลีกซึ่งจะมีต้นทุนค่อนข้างสูง ผู้บริโภคอาจเป็นผู้ต้องรับภาระอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

“หากยอมให้มีการรวมธุรกิจดังกล่าวเกิดขึ้นจะส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อระบบเศรษฐกิจการค้าของประเทศ และมีผลทำให้โครงสร้างของตลาดค้าส่งค้าปลีกมีการกระจุกตัวในระดับสูงมาก อันจะนำไปสู่การครอบงำตลาดหรือการผูกขาดทางการค้าในที่สุด จึงไม่เห็นชอบต่อการอนุญาตให้รวมธุรกิจ “

นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานคณะกรรมการแข่งขันการค้า(กขค.) เปิดเผยหลังมีมติอนุญาตซีพี ควบรวมธุรกิจกับบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น จำกัด ภายใต้เครื่องหมายการค้า เทสโก้ โลตัส(Tesco Lotus)

ทางเจ้าหน้าที่ซีพีได้เดินทางมารับเอกสารผลการพิจารณาของกขค.ไปแล้วเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งหากไม่เห็นด้วยกับมติหรือคำสั่งของกขค.สามารถยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองโต้แย้งมติได้ ภายใน 60 วันนับแต่วันได้รับแจ้งคำสั่ง ซึ่งเป็นไปตามพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า โดยมีระยะเวลา 60 วันนับตั้งแต่วันรับมติกขค.ทั้งนี้จะได้เผยแพร่แก่สาธารณะในอีก 2 สัปดาห์เกี่ยวกับคำวินิจฉัยทั้งเห็นด้วยและคัดค้าน ในด้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2563 กรรมการเสียงข้างมากได้มีมติอนุญาตควบรวมไปแล้วโดยทีมีเงื่อนไข โดยเห็นว่า “ไม่เป็นการผูกขาด” แม้จะมีอำนาจตลาดเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง  และไม่กระทบต่อประโยชน์ของผู้บริโภคโดยรวม ซึ่งการอนุญาตนี้ ได้กำหนดเงื่อนไข 7 ข้อที่ต้องปฏิบัติตามภายหลังการควบรวมกิจการ