พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฯ ใช้เวทีการประชุมระดับรัฐมนตรีลุ่มน้ำโขงสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างประเทศ(FDI) โดยร่วมมือผนึกกำลังสมาชิกทั้ง 6 ประเทศ ผลักดันโครงการลงทุนและวิชาการ มูลค่ารวม 7.83 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หวังเชื่อมโยงสู่อีอีซีและเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย พร้อมเสนอบทบาทไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ย่านอนุภูมิภาค
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย และจีน ครั้งที่ 24 ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยเข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้การสนับสนุนความร่วมมือของกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงนี้เป็นอย่างมาก โดยเน้นย้ำให้ถือเป็นเวทีสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างประเทศที่สนใจเข้ามาลงทุนในสาขาที่ประเทศไทยมีศักยภาพเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่งเสริมการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
เป็นโอกาสของประเทศในการนำเสนอบทบาทความเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในอนุภูมิภาค ทั้งการพัฒนาระบบถนน ระบบราง และด่านพรมแดน ทั้งนี้ ยังมีประโยชน์ที่จะเกิดจากการร่วมกันหาทางแก้ปัญหาทางด้านสังคม สาธารณสุข การศึกษา และการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามพรมแดน อีกด้วย
อนึ่ง ผลการประชุมรัฐมนตรีฯ เป็นที่น่าพอใจ เห็นสัญญาณของความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและการพัฒนาในหลายมิติร่วมกัน ประเทศสมาชิกเห็นพ้องในกรอบการลงทุนของอนุภูมิภาค ปี 2565 ซึ่งประกอบด้วยแผนงานโครงการลงทุนและโครงการความช่วยเหลือทางวิชาการ รวมทั้งสิ้น 205 โครงการ มูลค่ารวมกันกว่า 7.83 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (2.35 ล้านล้านบาท) โดยในรอบปีที่ผ่านมามีโครงการมูลค่ารวม 267 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ในส่วนโครงการของประเทศไทย มี 74 โครงการ มูลค่ารวม 1.78 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 22.7% ของโครงการในกรอบความร่วมมือฯ ทั้งนี้ โครงการมูลค่าการลงทุนสูงที่ได้เริ่มดำเนินการแล้ว ได้แก่โครงการพัฒนารถไฟทางคู่ในประเทศ 1.21 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่สาม 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการพัฒนาเส้นทางรถไฟเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 2.28 พันล้านเหรียญสหรัฐ มากไปกว่านั้น นางสาวรัชดา กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบในหลักการ 2 เรื่องด้วยกัน คือ
1) กรอบยุทธศาสตร์ใหม่ของแผนงาน GMS ในระยะปี 2575 ซึ่งเป็นการรวบรวมแผนการดำเนินการและมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งสอดคล้องกับประเด็นภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติของไทย และ
2) ร่างเอกสารแผนการฟื้นฟูและตอบสนองต่อผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 สนับสนุนให้คณะทำงานด้านสุขภาพ (Health Cooperation Sector) ภายใต้แผนงาน GMS เป็นตัวหลักในการทำหน้าที่ดูแลและติดตามการได้มาของวัคซีน เพื่อการกระจายวัคซีนใน GMS อย่างเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ( Greater Mekong Subregion : GMS ) คือ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเขตเศรษฐกิจธรรมชาติที่มีแม่น้ำโขงไหลผ่านซึ่งมีพื้นที่รวมกันประมาณ 2.6 ล้านตารางกิโลเมตร และ มีประชากรรวมทั้งสิ้น 326 ล้านคนโดยกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ได้ร่วมกันจัดตั้งแผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเมื่อปี พ.ศ. 2535 เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เกื้อกูลกันและตั้งอยู่บนพื้นฐานของการมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกันโดยได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB)
สมาชิก 6 ประเทศได้แก่ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน (โดยเฉพาะมณฑลยูนนาน และเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และ ราชอาณาจักรไทย