จากที่วันนี้ (2พ.ย.63) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณี กกต. มีมติดำเนินคดีอาญา กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ 15 คนนั้น
ทั้งนี้เนื่องจากการกู้ยืมเงิน 191.2 ล้านบาทที่นายธนาธร ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืม ว่า กกต. มีมติที่จะให้ดำเนินคดีอาญา แต่ขั้นตอนที่จะดำเนินคดีอาญาจะต้องมีการจัดทำคำวินิจฉัย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำคำวินิจฉัย เมื่อจัดทำเสร็จกกต.ก็จะเผยแพร่คำวินิจฉัยต่อสาธารณชน ซึ่งลงในเว็บไซต์ กกต. โดยจะใช้เวลาไม่นาน
“แต่การเขียนคำวินิจฉัยจะต้องเขียนด้วยความรอบคอบ โดยสำนักงานกกต.จะเสนอขึ้นมาให้ที่ประชุมกกต. เมื่อที่ประชุม กกต.ให้ความเห็นชอบก็จะเผยแพร่ในเว็บไซต์ในวันเดียวกัน หลังจากนั้นสำนักงาน กกต.จึงจะไปแจ้งความดำเนินคดี เพื่อให้ตำรวจดำเนินการต่อไป
กรณีกรรมการบริหารพรรคทั้ง 15 คนนั้น เราเห็นว่ามีความผิดเท่ากัน มาตราเดียวกัน เป็นบุคคลที่ถือเป็นผู้บริหารพรรค เราไม่ได้แยก” ประธานกกต. กล่าว
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 63 ได้มีรายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)มีมติให้สำนักงานกกต.แจ้งความดำเนินคดีอาญา กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ 15 คน จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่เนื่องจากกระทำผิดมาตรา 66 ประกอบมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กู้ยืมเงิน 191.2 ล้านจากนายธนาธร หัวหน้าพรรค
ทั้งนี้การดำเนินคดีกับนายธนาธรจะเป็นความผิดฐานบริจาคเงินเกิน 10 ล้านบาทตามที่มาตรา66วรรคหนึ่งพ.ร.ป.พรรคการเมือง 60 กำหนด ซึ่งจะมีโทษตามมาตรา 124 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
ขณะที่กับอดีตกรรมการบริหารจะดำเนินคดีฐานกระทำผิดมาตรา 66 วรรคสองและมาตรา72 ประกอบมาตรา137 รับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลโดยมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อปีและรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด อันรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีโทษตามมาตรา125และมาตรา126 จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท
ส่วนเงิน กู้ 191.2 ล้านบาท ที่ตามมาตรา 125 กำหนดไว้ว่า ให้เงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ส่วนที่เกินกว่า ที่กำหนดไว้ในมาตรา 66 ตกเป็นของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองนั้น คาดว่า กกต.ยังไม่ได้ข้อยุติในส่วนนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างสำนักงานกกต.และคณะที่ปรึกษากฎหมายของกกต. โดยทางฝ่ายสำนักงานเสนอว่าสามารถที่จะยึดเงินเข้ากองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองได้ แต่ทางคณะที่ปรึกษากฎหมายของกกต.เห็นว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ก็ไม่เหลือ พรรคการเมือง ที่จะให้กกต.ไปเรียกเงินมาเป็นของกองทุนฯได้