บช.น แถลง เผยความจริง กรณีม็อบทุบรถ มีคนพยายามชิงตัวผู้ต้องหา ย้ำ หากบิดเบือนข้อเท็จจริง มีความผิด

5055

สืบเนื่องจากรณีที่มีมวลชนทุบรถควบคุมผู้ต้องหา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน และนายภานุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ที่บริเวณหน้า ส.น.ประชาชื่น จนเกิดเหตุความวุ่นวายบานปลายมากมาย

ล่าสุด เวลา 12.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) พร้อมด้วยพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. แถลงการหลีกเลี่ยงเส้นทางการจราจร กรณีการชุมนุมสถานการณ์ทางการเมือง

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลมีนโยบายชัดเจนให้ผู้บังคัญการ และผู้กำกับการพื้นที่ ตั้งกองอำนวยการร่วมในพื้นที่ที่มีการจัดงาน เช่น ท่ามหาราช ซึ่งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็จะมีการตั้งกองอำนวยการร่วมอยู่ที่ท่ามหาราชส่วนหนึ่งดูแลประชาชนที่มาลอยกระทง ส่วนการชุมนุมที่คาดว่าอาจจะเกิดที่ม.ธรรมศาสตร์ก็จะมีกองอำนวยการร่วมอีกส่วนหนึ่ง ภายใต้การดูแลของพล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

ส่วนกรณีการทุบทำลายรถควบคุมผู้ต้องหาในพื้นที่สน.ประชาชื่น ทางพล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่าในส่วนนี้ประชาชนคงจะเห็นคลิปชัดเจนอยู่แล้ว มีกลุ่มผู้ชุมนุมหรือผู้ไม่หวังดี กลุ่มหนึ่งพยายามที่จะชิงตัวผู้ต้องหา มีการนำรถจักรยานยนต์มากีดขวางการเคลื่อนตัวของรถควบคุมผู้ต้องหา จนกระทั้งตำรวจต้องตัดสินใจใช้รถควบคุมผู้ต้องหาดันรถจักรยานยนต์ดังกล่าวออกจากเส้นทาง นอกจากนั้นมีการพยายามใช้สิ่งต่างๆ เช่น หมวกกันน็อค แท่งเหล็ก ทุบทำลายรถควบคุมผู้ต้องหาในระหว่างทาง ขณะนี้ทางผกก.สน.ประชาชื่น กำลังเรียกกองพิสูจน์หลักฐานกลางมาตรวจร่องรอยความเสียหายและคงมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย ในเบื้องต้นเข้าข่ายความผิดทำให้เสียทรัพย์ซึ่งทรัพย์สินทางราชการ อยู่ระหว่างการพิจารณาดูพฤติกรรมว่ากลุ่มผู้ชุมนุนมกลุ่มนั้นจะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 215 สมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองหรือก่อให้เกิดเหตุร้ายในบ้างเมืองหรือไม่ ถ้าพยานหลักฐานไปถึงก็คงจะตองมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีด้วยเช่นกัน

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้ปรากฎข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จเป็นการกล่าวร้ายการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทั้งตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่อื่นๆ เช่น การใช้คำว่าใช้หมายจับที่หมดสภาพมาดำเนินการจับกุมตัวผู้ต้องหา หรือมีการใช้กำลังทุบตีผู้ต้องหาคนหนึ่งคนใด จนได้รับบาดเจ็บหมดสติเหล่านี้เป็นต้น ซึ่งข้อความเหล่านั้นเป็นข้อความอันเป็นเท็จ เป็นความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและบก.ปอท. จะต้องดำเนินการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ฝากเตือนประชาชนที่ทราบข่าวแล้วอย่าเผยแพร่ ส่งต่อ ทำซ้ำ อาจจะได้รับโทษตามกฎหมายด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีการเจ็บป่วย ตำรวจก็ดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชน

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดเตรียมกำลังตำรวจไว้จำนวน 7 กองร้อย และกองร้อยควบคุมฝูงชนหญิงอีก 1 กองร้อย ส่วนการประเมิณสถานการณ์ในวันนี้ จะต้องดูการข่าวในภาคบ่ายอีกครั้ง

นอกจากนี้พล.ต.ต.ปิยะ ยังกล่าวถึงการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นซ้ำว่า เมื่อเริ่มดำเนินคดีแล้ว คดีจะหยุดไม่ได้ จะต้องเดินไปตามขั้นตอนกระทั้งคดีสู่ศาล และคดีถึงที่สุดแล้ว ถ้ามีการกระทำความผิดเรื่อยๆ เยอะๆ ต่อเนื่องกัน ก็อาจจะมีหมายเพิ่มขึ้นได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: เปิดคลิปม็อบไล่ล่าบุกพังรถควบคุมตัว ‘เพนกวิน-ไมค์’ พังยับ