สืบเนื่องจากการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2563
ถึงเรื่องของกรณีที่ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอให้รับฟังความคิดเห็นของกลุ่มผู้ชุมนุม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า
“ด้วยความเคาพเป็นการส่วนตัว นายอานันท์เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ตนก็รับฟังข้อเสนอมาโดยตลอด ทั้งทางสื่อโซเชียลและจากคำพูดที่ออกมา ตนได้ยินทุกอย่าง ขอให้เข้าใจซึ่งกันและกันด้วย โดยการเปิดรัฐสภาประชุมสมัยวิสามัญที่ผ่านมาตนก็รับฟังความคิดเห็นเรื่องความต้องการของกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่แล้ว ถือว่าจบ ส่วนขั้นตอนต่อไปก็เป็นการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาว่ามีประเด็นไหนที่เป็นไปได้ และประเด็นไหนที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งต้องยึดหลักการกฎหมายและรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้อยู่ถึงปัจจุบัน ส่วนวันหน้าจะแก้ไขอย่างไรก็ค่อยว่ากันอีกครั้ง”
เมื่อสื่อมวลชนได้ถามถึงกรณที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เสนอให้ทำการปฏิวัตินั้น พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ต้องไปถามคนพูด เราไม่เคยคิดเรื่องเหล่านี้ ต้องระมัดระวังสถานการณ์ไม่ให้บานปลายไปเรื่อย ๆ และ กล่าวเพิ่มเติมว่า
“ผมไม่ได้หมายความว่าจะมีการปฏิวัติหรือไม่มี เพียงแต่ไม่มีใครอยากทำ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีก็ตอบไปแล้วว่าไม่ทำปฏิวัติ”
ส่วนกรณีที่พรรคฝ่ายค้านข้อสังเกตว่าการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติเป็นการซื้อเวลา พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงว่า
“นี่คือกลไกลของรัฐสภาในการแก้ไขปัญหา เมื่อเราปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขต้องเคารพระบบรัฐสภา และคะแนนเสียงส่วนใหญ่ของคนทั้งประเทศ อยากให้ไปทบทวนตรงนี้ว่าควรเป็นอย่างไรต่อไป นอกจากนี้ยังมีอีก 2 พรรคฝ่ายค้านที่ไม่ได้การเข้าร่วม ตนถามว่าแล้วจะเข้าร่วมประชุมรัฐสภาทำไม ในเมื่อเป็นส.ส.ที่เป็นผู้แทนสะท้อนความคิดเห็นจากประชาชนทุกคนและทุกฝ่าย ไม่ใช่นำความคิดเห็นของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาเสนอกดดันและเร่งรัด ตนคิดว่าไม่ถูกต้อง นี่หรือประชาธิปไตยไทย เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่ ตนคงพูดได้แค่นี้ ไม่มีความคิดเห็นใดเพิ่มเติม ต้องดูที่เจตนา”
เมื่อสื่อมวลชนได้ถามถึงกรณีที่ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน หนึ่งในแกนนำคณะราษฎร ได้ประกาศในการชุมนุมคณะราษฎรเรียนถึงการยกระดับการชุมนุมและการปิดถนนมิตรภาพ ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญของภาคอีสาน พล.อ.ประยุทธ์ได้ตอบว่า ทำได้ก็ทำไป แต่อยากให้สังคมช่วยกันดูแลตรงนี้ คนที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่ตน แต่เป็นประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการจราจร และการส่งขนสินค้า ถ้าเป็นคนที่ดีก็ไม่ควรกระทำในพื้นที่ที่เป็นสาธารณะ เพราะทำให้เกิดปัญหา และทำให้เกิดความขัดแย้งต่อไปเรื่อยๆ ตนก็เข้าใจว่าการชุมนุมก็จะต้องทำเช่นนี้ ทุกคนต้องระมัดระวังซึ่งกันและกัน รวมถึงเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม จะมาบอกว่ากฎหมายไม่เป็นธรรมไม่ได้ หากไม่กระทำความผิดก็ไม่ถูกบังคับใช้ตามกฎหมาย
“ผมขอร้องว่าอย่าทำให้เหตุการณ์บานปลาย ไม่ส่งผลดีกับใครแม้แต่คนเดียว มีแต่กระพือข่าวได้มากขึ้น แต่ประเทศชาติพังไปเรื่อยๆ ก็แล้วแต่จะคิดก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว