ห้างวอลมาร์ท ได้สั่งเคลียร์ปืนและกระสุนจากชั้นวางขายทั่วประเทศกว่า 5,000 สาขา เนื่องจาก อาชญากรรม, ปล้น, ความรุนแรงขัดแย้งระหว่างสองขั้วความคิดต่าง ได้ขยายตัวทั่วสหรัฐและทุกครั้งที่มีการปล้น ห้างวอลมาร์ทเป็นหนึ่งในเป้าหมายเพราะมีสินค้าปืนและกระสุนวางโชว์หน้าห้าง คาดนำออกจากห้างอย่างไม่มีกำหนด ทั้งนี้บริษัทคิดว่าอาจช่วยสถานการณ์ได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่คนอเมริกันสามารถสั่งซื้ออาวุธและกระสุนทางอินเตอร์เน็ตจากเอเย่นต์ที่ถูกกฎหมายได้อย่างเปิดเผย
ห้างวอลมาร์ท เป็นห้างที่มีการจำหน่ายปืนรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ เผชิญแรงกดดันให้เปลี่ยนนโยบายการขายอาวุธปืนหลายครั้ง แต่ไม่เคยทำจริงจัง อ้างทำยอดขายลดลงและขอให้รัฐบาลเข้มงวดตรวจสอบประวัติผู้ซื้อปืนก่อน ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นอีกต่อไปที่วอลมาร์ทจะถือเอากำไรการขายปืนเป็นที่ตั้งมากกว่าผลกระทบกับชีวิตและความปลอดภัยของคนอเมริกัน เพราะครั้งนี้ทุกเมืองที่ความรุนแรงปะทุ วอลมาร์ทจะเป็นเป้าให้นักปล้นพุ่งเข้ากวาดปืนและกระสุนก่อนสิ่งใด ในที่สุดจึงเห็นการตัดสินใจแบบนี้เกิดขึ้น แสดงว่าสถานการณ์รุนแรงในการประท้วงสหรัฐถึงขีดอันตรายจริงๆ
การสั่งนำสินค้าปืนและกระสุนออกจากชั้นวางขายและตู้โชว์ เป็นไปเนื่องจาก แนวโน้มความรุนแรงปะทุขึ้นทั่วสหรัฐ นับตั้งแต่การเสียชีวิตของ ชายผิวสีจอร์จ ฟลอยด์ ที่ถูกตำรวจจับกุมทำให้เสียชีวิตขาดอากาศหายใจอย่างไม่เป็นธรรม ขยายตัวเป็นการชุมนุมต้านการเหยียดผิวทั่วสหรัฐในนาม Black Live’s Matter ก่อนหน้านี้ ได้เคยนำปืนและกระสุนลงจากชั้นขายของมาครั้งหนึ่งแล่วในเดือนกรกฎาคม 1 เดือนต่อมาก็นำกลับมาขายอีก
“เราพบว่ามีความโน้มเอียงจะรุนแรงขึ้้น ในการชุมนุมเมืองต่างๆ เพราะมีการเผชิญหน้ากันของสองกลุ่มที่มีความคิดต่างกันและสนับสนุนทางการเมืองต่างกัน ครั้งนี้เรานำออกจากชั้นวางเพื่อความปลอดภัยของสังคมและลูกค้าผู้บริโภค” แถลงการณ์ห้างระบุ
ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย อัยการท้องถิ่นกล่าวถึงการที่ตำรวจยิงผู้ชุมนุมเสียชีวิต จากวีดิโอที่ถูกบันทึกไว้แสดงให้เห็นว่า ตำรวจได้เตือนให้ชายผู้นั้นวางมีดแต่เขากลับรี่เข้าใส่เจ้าหน้าที่ ตำรวจตัดสินใจยิง ทำเขาเสียชีวิต ทางการตำรวจแจงอยู่ในระหว่างการพิจาณาคดี ขณะที่ครอบครัวชายหนุ่มตั้งคำถามว่า พวกเขาบอกเจ้าหน้าที่แล้วว่าชายหนุ่มต้องกินยาเพราะมีปัญหาสุขภาพ แต่ตำรวจไม่ฟัง
กรณีดังกล่าวทำผู้ประท้วงในฟิลาเดลเฟียโกรธแค้น ความรุนแรงเพิ่มขึ้น มีการปล้นร้านค้าและธนาคาร เผาทำลายสถานีตำรวจ และมีการทำร้ายตำรวจซึ่งทางตำรวจแจงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บจากเรื่องนี้ 30 นาย และรายหนึ่งถูกรถผู้ประท้วงชนขาหัก และสถานที่หนึ่งที่ผู้ประท้วงบุกปล้นคือสาขาหนึ่งของวอลมาร์ท “พอร์ต ริชมอนด์ วอลมาร์ท” เหล่าผู้ประท้วงขโมยเสื้อผ้าและของกินของใช้ พร้อมกล่องกระสุนปืนไรเฟิล CBS 3 Philly ซึ่งตั้งแสดงอยู่หน้าห้าง
การชุมนุมขยายตัวทั่วสหรัฐเริ่มจากการสังหารชายและหญิงผิวสี เริ่มจากจอร์จ ฟลอยด์ในเมืองมินนิอาโปลิส,มลรัฐมินเนโซตา และบรีโอนา เทย์เลอร์ในเมืองหลุยส์วิลล์ แต่เหตุการณ์บานปลายยืดเยื้อมาหลายเดือน ทำให้การชุมนุมขยายใหญ่โตมากขึ้น ความไม่พอใจ ความโกรธ พัฒนาเป็นความเกลียดชังขยายท่วมสังคมอเมริกาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
วอลมาร์ทกวาดปืนและกระสุนออกจากชั้นวางของในห้างทั้งหมด 5,000 สาขาทั่วประเทศ
โฆษกห้างกล่าวว่ายังไม่มีกำหนดการที่แน่นอนว่าจะนำกลับมาขายอีกครั้งเมื่อไหร่ ก่อนหน้านี้นำออกมาครั้งหนึ่ง แล้วนำกลับมาขายอีก แต่ครั้งนี้สถานการณ์น่าวิตกกว่าเดิม เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อแนวโน้มความรุนแรงในเมืองต่างๆทุกมลรัฐขยายตัว ท่ามกลางการระบาดโควิด-19 รอบใหม่และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังจะมาถึง 3 พ.ย.2563 นี้
เจ้าหน้าที่เอฟบีไอตรวจสอบยอดผู้สั่งซื้อปืนและกระสุนจากบริษัทที่เป็นดีลเลอร์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน