โควิด-19 กลับมาระบาดรอบสองดุกว่าเดิม ทั่วโลกป่วย 45 ล้านคน วันเดียวผู้ป่วยติดเชื้อทะลุ 5 แสนคน ถือเป็นครั้งแรกที่ยอดทะลุครึ่งล้าน คิดเป็น 44% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน เสียชีวิตแล้ว 1.18 ล้านคน อเมริกายังยืนหนึ่ง ติดเชื้อพุ่ง 9.12 ล้านคน เสียชีวิต 233,000 คนตามด้วยอินเดียป่วยติดเชื้อ 8.04 ล้านคน เสียชีวิต 121,000 คน ขณะที่ยุโรปสาหัส ทั้งอังกฤษ, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, สเปน, อิตาลี ต้องสั่งล็อกดาวน์ประเทศ1-2 เดือน องค์การอนามัยโลกส่งสัญญาณเตือนชัดโควิดรอบสองระบารดหนักทั่วยุโรปและล่าสุดแนวโน้มขาดแคลนแพทย์-พยาบาล-เตียงรับผู้ป่วย
WHO ยืนยันระบาดรอบใหม่หนักทั่วยุโรป
องค์การอนามัยโลก(WHO)ประจำภาคพื้นยุโรปในวันพฤหัสบดี(29ต.ค.) ชี้ว่าทวีปยุโรปกลับมาเป็นศูนย์กลางของโรคระบาดใหญ่โควิด-19 อีกครั้งแล้ว แต่เห็นว่า มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศควรเป็นทางเลือกสุดท้ายเพราะจะตามมาด้วยปัญหาอื่นๆ
ดร.ฮานส์ คลุกก์ (Hans Kluge) หัวหน้าสำนักงานองค์การอนามัยโลกประจำทวีปยุโรป ระบุในถ้อยแถลงที่กล่าวต่อที่ประชุมฉุกเฉินบรรดารัฐมนตรีสาธารณสุขของยุโรป ว่าแม้การชัตดาวน์สังคมอย่างกว้างขวางจะช่วยลดการแพร่เชื้อในชุมชนและช่วยคลายสถานการณ์ตึงเครียดแก่ระบบสาธารณสุข แต่มันก็มาพร้อมกับต้นทุนที่ใหญ่หลวง ด้วยที่มีบรรดาชาติยุโรปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่กลับมาใช้มาตรการเข้มข้นเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทาง ดร.คลุกก์ แสดงความเห็นว่าการตอบโต้ที่หนักแน่นนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้แนวทางล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดแบบที่พบเห็นกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมาเสมอไป
ภูมิภาคยุโรปโควิดระบาดระลอกสองชัดเจน
ฝรั่งเศส: รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวัน 47,637 คนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากระดับ 36,437 คนในวันพุธ(28ต.ค.) แต่ต่ำกว่าสถิติสูงสุด 52,010 คนเมื่อวันอาทิตย์(25ต.ค.) ตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมของฝรั่งเศส เพิ่มเป็นมากกว่า 1.28 ล้านคน ส่วนผู้เสียชีวิตรายวัน พบเพิ่ม 235 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 36,020 คน
นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ประกาศบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ปิดประเทศรอบสอง เป็นระยะเวลา 2 เดือน ร้านอาหาร ผับบาร์ และธุรกิจที่ไม่จำเป็น จะถูกปิดจนถึงวันที่ 1 ธ.ค. ส่วนที่ยังต้องทำงาน รัฐบาลขอร้องให้ทำงานที่บ้าน 5 วันต่อสัปดาห์ แต่โรงเรียนจะไม่หยุดการเรียนการสอนทว่านักเรียนอายุ 6 ขวบขึ้นไปจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะที่มหาวิทยาลัยจะต้องเปิดการเรียนการสอนทางออนไลน์เท่านั้น
เยอรมนี: นางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้เผยแผนการล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบสองระยะสั้น ตั้งแต่วันที่ 2-30 พ.ย. ปิดการให้บริการร้านอาหาร ผับบาร์ โรงยิม สระว่ายน้ำ ศูนย์ฟิตเนส สถานที่สาธารณะห้ามรวมตัวเกิน 10 คน โรงแรมไม่ควรเปิดรับนักท่องเที่ยว แต่สถานศึกษา ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก และร้านขายสินค้า จะได้รับอนุญาตให้เปิดบริการตามปกติ โดยทั้งนี้ ยอดติดเชื้อรวมในฝรั่งเศสเพิ่มเป็น 1.23 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 35,700 คน ยอดติดเชื้อรวมในเยอรมนีเพิ่มเป็น 481,000 คน เสียชีวิตรวมกว่า 10,300 คน
อังกฤษ:รัฐบาล “สหราชอาณาจักร” สั่งให้กรุงลอนดอน และเมืองใหญ่อย่างเอสเซกซ์ และยอร์ก ล็อกดาวน์ระดับ “เทียร์ 2” (Tier 2) ซึ่งมีกฏหมายการห้ามให้ครอบครัวต่างบ้าน มาเจอกันในสถานที่ในร่มอย่างผับและร้านอาหาร โดยสามารถเจอกันกลางแจ้งได้แค่ 6 คน และจำกัดคนไปงานแต่งงานได้แค่ 15 คนและงานศพแค่ 30 คน
สื่อท้องถิ่นยุโรปยังรายงานอ้างผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ที่ประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดในอังกฤษ และพบว่าอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ของอังกฤษ ถือว่าอยู่ในอัตราเร่ง โดยทุกๆ 9 วัน จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นเท่าตัว และหากประเมินจากสัดส่วนของผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการป่วยแล้ว ทำให้เชื่อได้ว่าอังกฤษมีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 96,000 คน นอกจากนี้ ยังมี 12 ประเทศในยุโรป ที่พบยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในวันเดียวพุ่งทำสถิติ ได้แก่ โครเอเชีย บอสเนีย บัลแกเรีย เอสโตเนีย โรมาเนีย โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สโลวีเนีย รัสเซีย ยูเครน
ผลการศึกษาใหม่โดยมหาวิทยาลัย Imperial College London (อิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน) ในอังกฤษ ชี้วิกฤตการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ในอังกฤษส่อเค้ารุนแรงขึ้นจนถึงขั้นวิกฤติ เพราะกำลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในวันเดียวเกือบ 100,000 รายทุกๆ วัน
การวิเคราะห์ที่สำคัญ พบว่า การติดเชื้อโควิด-19 ในอังกฤษกำลังมีอัตราเร่งและคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นสองเท่าในทุกๆ 9 วัน โดยผู้เขียนรายงาน ยังเตือนว่า อังกฤษอยู่ใน ‘ขั้นวิกฤติ’ และ ‘มีบางอย่างที่ต้องเปลี่ยนแปลง โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนกำลังเตือนว่า อังกฤษกำลังไปสู่จุดสูงสุดของการติดเชื้อโควิด-19 อย่างรวดเร็วจากที่เคยเห็นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
การศึกษา React-1 ถือเป็นการศึกษาที่มีอิทธิพลอย่างสูง เพราะเป็นการศึกษาที่มีการประเมินสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในอังกฤษมากที่สุด และการตรวจหาเชื้อล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ อีกทั้งมีอาสาสมัครเข้าร่วมเกือบ 86,000 คน ซึ่งผลการประเมินพบว่า กำลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในทุกกลุ่มอายุ และทุกๆ พื้นที่ของอังกฤษ ขณะที่ตอนนี้ มีผู้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 มากที่สุดทางภาคเหนือ และการติดเชื้อกำลังพุ่งสูงอย่างรวดเร็วทางภาคใต้
สเปน: พบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 23,580 คนในวันพฤหัสบดี(29ต.ค.) ถือเป็นตัวเลขรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาด ในขณะที่พวกเขากำลังดิ้นรนควบคุมการแพร่ระบาดระบอกสอง
แม้จำนวนผูู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 1,160,083 คน แต่นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ เชื่อว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมที่แท้จริงน่าจะเกินกว่า 3 ล้านคน เนื่องจากผู้ติดเชื้อจำนวนมากไม่ได้ถูกเก็บอยู่ในสถิติแห่งชาติ นอกจากนี้แล้ว สเปน ยังพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 173 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผานมา ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเป็น 35,466 คน แม้เพิ่มขึ้นจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้ แต่ยังต่ำกว่าระดับ 267 คนของวันอังคาร(27ต.ค.) ซึ่งเป็นตัวเลขเสียชีวิตวันเดียวมากที่สุดของการแพร่ระบาดระลอกสอง
อิตาลี:ทางกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยในวันพฤหัสบดี(29ต.ค.) ว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 26,831 คนในช่วง 24 ชั่วโมง ถือเป็นตัวเลขรายวันสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตเริ่มต้นขึ้น ทุบสถิติเดิม 24,991 คน ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันพุธ(28ต.ค.) ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของประเทศ เพิ่มเป็น 616,595 คน
กระทรวงสาธารณสุขอิตาลี รายงานด้วยว่าพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 217 คนในวันพฤหัสบดี(29ต.ค.) เพิ่มขึ้นจากระดับ 205 คนของหนึ่งวันก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 38,122 คน
ปัญหาแพทย์โรงพยาบาลไม่พอรองรับผู้ป่วยทั้งยุโรปและอเมริกา
ทั้งฝรั่งเศส, อิตาลี, เบลเยี่ยมขาดเตียงรองรับผู้ป่วย เครื่องมือทางการแพทย์ไม่เพียงพอ หากสถานการณ์ผู้ป่วยเพิ่มต่อเนื่อง อาจเข้าขั้นขาดแคลนแพทย์พยาบาลด้วย
ที่อเมริกา มีผู้ป่วย 45,045 รายในโรงพยาบาล เมื่อวันพุธที่ 28 ต.ค.2563 ซึ่งยอดสูงที่สุดนับตั้งแต่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา เรื่องนี้ดร.โจชัวร์ เคิร์น จากศูนย์สาธารณสุขเซนต์ลุควอลเลย์, ไอดาโฮกล่าวว่า ผู้ป่วยบางรายต่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่ขนาดใหญ่กว่า เครื่องมือพร้อมกว่า”
ขณะที่เทศกาลวันฮาโลวีนของสหรัฐ (30 ต.ค.) โอกาสที่สหรัฐจะพบยอดติดเชื้อพุ่งกระฉูด จากการที่ครอบครัวอเมริกันจะพบกัน สังสรรค์ปาร์ตี้ นักเรียนนักศึกษาจะกลับบ้านไปยังครอบครัว ในขณะที่สังคมสหรัฐยังสับสนในการป้องกันโรคระบาด การรับมือเชื้อโรคแบบตัวใครตัวมันไม่เป็นเอกภาพ