นายกฯยิ้มร่าโผครม.เรียบร้อยดี! จับตาสุริยะวืดพลังงาน ไพรินทร์เสียบ สุชาติแลกเอนกคุมแรงงาน?

2672

จากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบคำถามสื่อขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ โดยบิ๊กตู่ พูดอย่างอารมณ์ดี ว่า”เรียบร้อย ไม่มีอะไร” พร้อมทำท่าผายมือฉีกยิ้มให้ผู้สื่อข่าว

ขณะนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีรายชื่อว่าล่าสุดหลุดจากโผครม.ใหม่ ที่เดิมทีมีชื่อว่าจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่มีปัญหา ทุกอย่างทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหนก็สามารถทำงานได้

เมื่อถามว่าขณะนี้นายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แจ้งหรือส่งสัญญาณอะไรมาชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ไม่ได้แจ้ง รวมถึงในพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังไม่ได้มีการแจ้งอะไรมาแต่อย่างใด

ทั้งนี้การปรับครม.มีสัญญาณชัดเจนหลังจากที่ 4 กุมาร นำโดย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แถลงลาออกจากการเป็นรัฐมนตรี คือ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง , นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน , นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้ง 4 ให้เหตุผลไว้ว่า ต้องการเปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อหาบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่แทน

รวมทั้งการลาออกของ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หรือ หม่อมเต่า ที่ได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ที่ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

จากนี้จึงต้องมีการปรับ ครม. ซึ่งปัจจุบัน มี รัฐมนตรี 36 คน รวม นายกรัฐมนตรี จาก 6 พรรค ประกอบไปด้วย พรรคภูมิใจไทย 7 คน , พรรคประชาธิปัตย์ 7 คน  , พรรคชาติไทยพัฒนา 2 คน  , พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน  ,  พรรคชาติพัฒนา 1 คน จาก ส.ส. 4 เสียง

ส่วน พรรคพลังประชารัฐ 18 คน จาก ส.ส. 118 เสียง  หาก รัฐมนตรี ที่ไม่รวมนายกฯ จะเหลือ 17 เสียง ที่เป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐ  นี่ก็คือสูตร 7:1 ที่ใช้คำนวณในตอนนั้น

ที่นี้ มาดูว่า รมต. 17 คน โควตาของพรรคพลังประชารัฐ นั้น 5 คนแรก เป็นโควตากลางที่ นายกฯ เลือกมาเอง ก็คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ , นายวิษณุ เครืองาม , พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา , พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล และ นายดอน ปรมัตถ์วินัย

ดังนั้น ส่วนที่ยังเหลืออยู่ของพรรคนั้น 12 คน ประกอบด้วย

ทีม ดร.สมคิด : นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์

ทีม กปปส. นายพุทธ์พงษ์ ปุณณกันต์ และ นายณัฐพล ทีปสุวรรณ

ทีม สามมิตร – นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

ที่มผู้กอง – ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นายสันติ พร้อมพัฒน์

ส่วนอีก 3 คน นายอิทธิรัตน์ รัตนเศรษฐ สายตรง พล.อ.ประวิตร

นายอิทธิพล คุณปลื้ม  สายตรง นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์

และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หน.พรรคพลังประชารัฐ

ซึ่งจะทั้ง 17 คนนี้  มีออกไปแล้ว 4 คน ก็แน่นอน ต้องว่าง 4 ตำแหน่ง ก็ต้องมาดูต่อไปว่า นายกฯ จะจัดแค่ 4 ตำแหน่งนี้ หรือจะปรับใหญ่  ทั้งนี้ คาดว่าโอกาสที่ปรับ ขยับพรรคการเมืองอื่นนั้น ไม่มีแน่นอน

ซึ่งการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์เองก็กำลังร้อน หากปรับอาจเป็นปัญหาได้ ส่วน พรรคภูมิใจไทย นั้นยืนยันมาแล้ว ไม่ แน่นอน  ด้าน พรรครวมพลังประชาชาติไทย หลังจากที่ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ลาออกจากพรรคไปแล้ว ต้องนำโควตาของพรรคเข้ามาแทน ซึ่งพรรคได้เสนอชื่อ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ มาเป็นรัฐมนตรีแทน

ทั้งนี้ มาดูว่า การปรับ ครม. นั้น จะอยู่พรรคพลังประชารัฐ 4 ตำแหน่ง กับ พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 ตำแหน่ง เป็น 5 ตำแหน่ง… พรรคพลังประชารัฐ จะจัดใครเข้ามาใน 4 ตำแหน่งนี้ หากตัด 1 เก้าอี้ไปให้กับพรรคเล็ก ก็จะเหลือ 3 ตำแหน่ง แล้วใครละจะได้ไป ซึ่งแน่นอน … แคนดิเดทแรก คือตำแหน่ง รัฐมนตรีฯคลัง และน่าจะเป็นคนนอก ซึ่งมีข่าวออกว่า อาจจะเป็น นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผจก.ใหญ่ ธ.กสิกรไทย ผู้มากประสบการบริหารด้านเศรษฐกิจ

ส่วน นายอนุชา นาคาศัย เลขาพรรคฯ ซึ่งคราวที่แล้วนั้น พลาดหวังกับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยคลังมาแล้ว  หลังจากนั้น นายอนุชา ได้เข้าไปซบ พล.อ.ประวิตร และทำให้กลุ่มสามมิตร คือ นายสมศักดิ์  นายสุริยะ และ พล.อ.ประวิตร มีความสนิทสนมกันมากขึ้น  และการที่ เลขาพรรคฯ จะไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ก็ใช่ที ฟันธง ต้องได้เป็นแน่นอน

เหลืออีก 1 ตำแหน่ง นายสุชาติ ชมกลิ่น หรือ เสี่ยเฮ้ง  “ใจถึง-ได้ทุกลูก-พวกเยอะ”  เติบโตด้านการเมืองจากการสนับสนุนของ กำนันเป๊าะ เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์  ถือว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านการเมืองและธุรกิจ  ก็จ่อคิวอยู่ด้วยเหมือนกัน เพราะมีส่วนช่วยในการประสาน ส.ส.ภาคกลาง ให้กับพรรคพลังประชารัฐ ครั้งนี้ จะมีโอกาสหรือไม่ ต้องติดตาม….

ซึ่งทั้ง 2 ท่านนี้ มีโอกาสสูงเป็นอย่างมาก แต่…ประเด็นอยู่ที่ว่า จะจัดอย่างไรที่จะสามารถทำให้ลงตัวได้ เนื่องจาก มี 1 กระทรวง ที่เกิดการช่วงชิงมาแต่ต้นในขณะนั้นก็คือ “พลังงาน” ที่มีข่าวออกมาว่าเป็น นายณัฐพล กับ นายสุริยะ แต่ตำแหน่งนั้น นายกฯ ก็จัดให้ นายสนธิรัตน์ ไปในที่สุด

หากสูตรนี้จะจัดให้ นายปรีดี ดาวฉาย มานั่ง รมว.คลัง ควบ รองนายกฯ ให้ นายอนุชา นาคาศัย นั่ง รมว.พลังงาน ซึ่งตำแหน่งนี้เอง นายสุริยะ เองก็ปรารถนาตำแหน่งนี้เช่นกัน  หรือให้ นายสุริยะ นั่ง รมว.พลังงาน แล้วให้ นายอนุชา ไปนั่งตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม  ก็ใช่ที่ …  ท่าน นายกฯ เองก็คงไม่เอาด้วย เพราะการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่การเล่นเก้าอี้ดนตรี แล้วตัวท่านนายกฯ เอง ก็เคยพิสูจน์มาแล้วว่า เป็นคนจริง

และยังมีอีก 1 แคนดิเดต  คือ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ดีกรีเหมาะกับ รมว.พลังงาน อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อดีตกรรมการ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)  แต่มีประเด็นอยู่ว่า …. คงจะเป็นไปได้ยาก เพราะ นายไพรินทร์ นั้น มีคดีที่ ปปช. อยู่หลายคดี

มีนักธุรกิจพลังงานระดับใหญ่ เป็นนายทุนใหญ่ให้กับพรรคการเมืองต่าง ๆ และเป็นสายเปย์ในวงการสื่อมวลชนด้วย ที่ไม่มีใครกล้าที่จะแตะต้อง

ซึ่งโอกาสในการปรับ ครม. ที่น่าจะลงตัวที่สุดและมีความเป็นไปได้ แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ นายกฯและองค์ประกอบ คือ นายปรีดี ดาวฉาย ตำแหน่ง รมว.คลัง และ รองนายกฯ /  นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ตำแหน่ง รมว.พลังงาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น ตำแหน่ง รมว.แรงงาน  แม้ก่อนหน้านี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ส่งสัญญาณออกมาว่า ก.แรงงาน ยังต้องเป็นของพรรครวมพลังประชาชาติไทย …. แต่หาก นายกฯ เจรจาแลกกระทรวง ให้ นายสุชาติ นั่ง รมว.แรงงาน เพราะเป็นนักธุรกิจ ก็ต้องเข้าใจปัญหาการทำงานแรงงาน ส่วน ดร.เอนก สลับให้ไปนั่ง รมว.ศึกษาฯ  เพราะจะว่าไปแล้ว ดร.เอนก นั้น เป็นนักการศึกษา นักวิชาการ อย่างนี้จะเหมาะสมและลงตัวเป็นอย่างยิ่ง แต่กรณีนี้ จะเกิดขึ้นได้ ก็อยู่ที่การเจรจากแลกกระทรวง

ส่วน นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค นั้น ก็ให้นั่งตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ ไปก่อน ช่วยรองรับงานมากมายหลายด้านจากท่านนายกฯ จะไปกระทรวงสำคัญ ๆ ก็ใช่ที่ เพราะกลุ่มสามมิตร ก็มีตำแหน่งไปหมดแล้ว

การวิเคราะห์ ความเป็นไปได้ที่ตำแหน่งรัฐมนตรีจะลงตัวในครั้งนี้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการขยับใหญ่ แต่กระนั้น ก็ไม่สามารถที่จะไปคร่อมพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ ได้ ซึ่งจะต้องปรับเฉพาะในพรรคพลังประชารัฐ เท่านั้น

แล้วก็ล่าสุดที่นายกฯลุงตู่อารมณ์ดี นั่นก็เท่ากับว่า การปรับครม.ลงตัวแล้วใช่หรือไม่ และอยากจะบอกว่า ความลงตัวที่เกิดตัวเกิดขึ้น ไม่ได้เป็นไปตามที่ใครหลายคนคิด และคาดหวัง นั่นคือ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร จะได้นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตามโควตานายกฯ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า นายสุริยะ ต้องอกหัก นั่งอยู่ที่เดิมคืออุตสาหกรรม ส่วนเลขาฯพลังประชารัฐใหม่หมาดอย่างนายอนุชา จะไปอยู่ที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ขณะนายสุชาติ แน่นอนแล้วว่าไปคุมกระทรวงแรงงาน โดยแลกกับพรรคลุงกำนันที่โยกดร.เอนก ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม