ช็อกโลก!!!กรมควบคุมโรคUSA เผยสหรัฐป่วยจริงพุ่ง 24 เท่าจากยอดรายงาน คาดได้ใช้วัคซีนต้นปีหน้า

2471

กรมควบคุมโรคหรือ CDC ของสหรัฐระบุจากผลการศึกษาพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศที่แท้จริง อาจสูงกว่ายอดที่รายงานอย่างเป็นทางการระหว่าง 2-24 เท่า ซึ่งมีสาเหตุจากการสื่อสารที่สับสนของผู้นำ การบริหารจัดการรักษาที่ขาดเอกภาพ นิวยอร์กหนักสุดป่วยจริงกว่า 12 เท่าที่รายงาน 

สถิติและการวิเคราะห์จากศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ(CDC:Centers for Disease Control and Prevention)ล่าสุด เปิดเผยว่า ยอดผู้ติดเชื้อป่วยสะสมในสหรัฐที่แท้จริง สูงกว่าที่รายงาน 2-24 เท่า

ตัวอย่างที่นิวยอร์ก CDC พบว่ายอดผู้ป่วยจริงมีจำนวน 642,000 คนในวันที่ 1 เมย.2563 รายงานเป็นทางการไปเพียง 53,803 คน ในกรณีนี้แสดงว่าคาดเคลื่อนไป 12 เท่าของข้อเท็จจริง

สำหรับกรณี เซาท์ฟลอริดา, คอนเน็คติกัน, มินเนโซตา ยอดจริงสูงกว่า 6-11 เท่า

ตัวเลขข้างต้นนี้เป็นตัวเลขเชิงอนุรักษ์ ซึ่งเก็บข้อมูลโดย สมาคมเภสัชการสหรัฐอเมริกา ซึ่งข้อมูลต่างๆเผยแพร่ในเว็บไซต์ของ CDC หน่วยงานได้เก็บข้อมูลตั้งแต่ มีนาคมและเมษายน ทั้งนี้ผู้อำนวยการ CDC, ดร.โรเบิร์ต เรดฟิลด์กล่าวเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาว่าการตรวจการติดเชื้อคาดเคลื่อนประมาณ 90%

กรณีหน้ากากอนามัย  เกิดความสับสนในหมู่ประชาชนอเมริกัน เรื่องความจำเป็นในการสวมหน้ากากอนามัย เมื่อปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อใหญ่ในสหรัฐ และย้ำว่าหน้ากากอนามัยไม่มีความจำเป็นต้องใช้เพราะไม่ได้ทำให้ติดหรือไม่ติดไวรัสโควิด-19 และยืนยันให้อิสระแก่คนอเมริกันในการตัดสินใจเลือกอย่างอิสระ ขณะที่ผู้ว่าการรัฐฯและผุ้นำท้องถิ่นในเมืองต่างๆ มีความเห็นและการปฏิบัติแตกต่างกันออกไป อย่างไม่เป็นเอกภาพ และปธน.ทรัมป์ยังกล่าวประโยคทองที่ส่งผลสะเทือนไปทั่วว่า “ถ้าตรวจเชื้อน้อยลง ก็จะพบคนป่วยน้อยลง”

เจ้าหน้าที่รัฐบาล แถลงว่ารายงานจากเกาหลีใต้ พบว่าเด็กอายุ 10-19 ปี ติดเชื้อได้และสามารถเผยแพร่เชื้อได้เหมือนผู้ใหญ่

 

ความหวังที่จะมีวัคซีนน่าจะเป็นไปได้ในช่วงปลายปีนี้ ทั้งนี้ Mene Pangalos, รองประธานtบริษัท AstraZeneca ผู้ได้รับสิทธิพัฒนาวัคซีน แจงว่าการทดสอบจะเริ่มอีกประมาณเดือนสิงหาคม และคาดว่าปลายปีนี้จะมีข่าวดี, ประธานบริษัท Moderna แจงว่าอาจรุ้ผลประมาณช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้  ขณะที่Johnson & Johnson and Merck คาดว่าประมาณต้นปีหน้า

………………………………………………………….

https://www.statnews.com/2020/07/21/cdc-study-actual-covid-19-cases/

https://edition.cnn.com/2020/07/21/health/us-coronavirus-tuesday/index.html?