สหรัฐตกแชมป์ส่งออกพ่ายจีน-ชนวนสงครามการค้า?!? ทรัมป์บริหารเศรษฐกิจแก้โควิดล้มเหลว คาดดับฝัน “อเมริกามาก่อน”

2410

สหรัฐโดยทรัมป์ เปิดสงครามการค้ากับจีน เพราะทุนนิยมฯหัวขบวนอย่างสหรัฐเคยส่งออกอันดับ 1 โลกแต่พ่ายแพ้จีนที่แซงขึ้นมาเป็นอันดับ1 ทำสหรัฐขาดดุลหนัก แคมเปญหาเสียง “อเมริกาต้องมาก่อน” ทำให้เขาชนะเลือกตั้ง 2016 และเพื่อจะกลับมาชนะเลือกตั้งอีกครั้งให้ได้ จึงต้องเปิดศึกลดขาดดุล-จำกัดการเติบโตของจีนทั้งการค้า,การลงทุน,เทคโนโลยีฯ ความหวังสมัยที่ 2 ของทรัมป์อาจเป็นหมัน เพราะการระบาดไวรัสโควิด-19 ทำสหรัฐกลายเป็นอันดับหนึ่งแห่งความสูญเสียของโลก ทั้งผู้ป่วยติดเชื้อและเสียชีวิต ภาพสะท้อนของการนำที่ล้มเหลวทำระดับความนิยมตกต่ำถึงที่สุดในทุกโพลเลือกตั้ง และในสายตานานาชาติทั่วโลก

จุดเริ่มต้นของสงครามการค้า
สงครามการค้าคือ การที่ประเทศหนึ่งเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นหรือกำหนดโควต้าการนำเข้าของสินค้าแต่ละประเทศ โดยทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจและต่างตอบโต้กันด้วยรูปแบบที่คล้ายคลึงกับการปกป้องการค้า และเมื่อความรุนแรงที่ปะทะกันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความบาดหมางก็จะแปรเปลี่ยนเป็นสงครามการลดการค้าระหว่างประเทศ

“Make America Great Again” ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ชนะในที่สุด แม้ว่าจะชี้ขาดที่กลยุทธ์ถล่มฮิลลารี คลินตันก่อนการเลือกตั้งก็ตาม เพราะเสียงของคนอเมริกันในชนบท ที่ทำเกษตรเทให้ทรัมป์เป็นหลัก แต่ในเมืองเป็นเดโมแครต-ฮิลลารี  ทรัมป์จึงโปรโมทแนวคิดในการบริหารเศรษฐกิจประเทศว่า “การค้าที่เป็นธรรม ต่างตอบแทน และอเมริกาต้องมาก่อน”

ปี 2017 นั้นอเมริกาขาดดุลการค้า 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ทรัมป์จึงต้องการลดช่องว่างตรงนี้ โดยการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจากจีน สาเหตุใหญ่ในการขาดดุล โดยเพิ่มในหมวดสินค้าหลัก ๆ คือคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์กึ่งตัวนำกว่า 1,300 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านเหรียญ  หลังจากการประกาศของทรัมป์ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลง ด้วยความกังวลสงครามการค้าระหว่างประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลก สหรัฐ-จีน

ปลายปี 2018 บริษัทในอมเริกาหลายแห่งได้ก่อตั้ง “Tariffs Hurt the Heartland” เพราะพวกเขาได้รับผลกระทบจากต้นทุนการนำเข้าวัสดุที่สูงขึ้น

-จากการขึ้นภาษีนั้นเองทำให้จีนออกมาตอบโต้โดยการเพิ่มภาษีกับสินค้าเกษตรกรรมที่เป็นสินค้ารายได้หลักของกลุ่มฐานเสียงของทรัมป์ ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบทำให้เกิดการล้มละลายสูงสุดในรอบทศวรรษ  และรายได้ของเกษตรกรในประเทศลดลงกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งนับว่าสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2016

นอกจากนั้นประเทศอื่น ๆ จึงออกมาทำข้อตกลงการค้าโดยไม่มีอเมริกา เช่นในเดือนเมษายน 2018 สหภาพยุโรปได้ปรับปรุงข้อตกลงกับเม็กซิโก โดยยกเลิกอัตราภาษีเกือบทั้งหมด ในเดือนกรกฎาคม 2018 สหภาพยุโรปได้ลงนามในข้อตกลงกับญี่ปุ่นเพื่อลดหรือสิ้นสุดอัตราภาษีสำหรับสินค้าเกือบทั้งหมด

ปี 2019 สหรัฐเผยแพร่เหตุผลการทำสงครามการค้ากับจีนว่า

  1. ทำเนียบขาวระบุว่าพบการปฏิบัติที่ “ไม่เป็นธรรม” หลายประการของจีน รวมถึงกฎหมายห้ามต่างชาติครอบครองกิจการ นั้นหมายความว่า นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้าไปลงทุนในจีนจะต้องมีคนจีนเป็นหุ้นส่วนร่วมด้วย ซึ่งมีผลกดดันให้หลายบริษัทต่างชาติต้องยอมถ่ายโอนเทคโนโลยีให้ เพื่อให้สินค้านั้นเข้าสู่ตลาดจีนได้
  2. สหรัฐหวั่นนโยบาย Made in China 2025 ซึ่งจีนพยายามที่จะพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพสูง และรวมไปถึงสินค้าไฮเทคมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สินค้ากลุ่มไอที ทั้ง Hardware และ Software และสินค้าชนิดอื่นๆ
  3. สหรัฐต้องการที่จะลดการขาดดุลทางการค้ากับประเทศจีน และรวมไปถึงเรื่องของการว่างงานในสหรัฐ ซึ่งการเพิ่มกำแพงภาษีในมุมมองทรัมป์คือการเพิ่มการจ้างงานในสหรัฐ

2 ปีของการตอบโต้ระหว่างจีน-สหรัฐ

จีน: เป้าหมาย เพิ่ม GDP, เพิ่มอำนาจ
-จับมือประเทศที่อยู่ในสมาชิก WTO (องค์การการค้าโลก (World Trade Organization) อย่าง แคนาดา ,สวิตเซอร์แลนด์ ,นอรเวย์ ,ตุรกี ,คอสตาริก้า ,ฮ่องกง ,เวเนซุเอล่า ,สิงคโปร์ ,บราซิล ,เกาหลีใต้ ,เม็กซิโก ,กาต้า ,ไทย ,อินเดีย ,และยุโรป เพื่อที่จะคัดค้านแผนของสหรัฐที่จะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์

-ลดการถือพันธบัตรสหรัฐ ตอนนี้ถืออยู่ที่ระดับ 1.18 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงถือครองไป 5.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งพันธบัตรสหรัฐเป็นแหล่งงบประมาณของสหรัฐ

-ลดภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ให้แก่ประเทศตู่ค้ารายอื่น โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคและยานยนต์ โดยจะลดภาษีเหลือ 6.9% จากเดิม 15.7% เพื่อกระตุ้นการนำเข้าจากต่างประเทศ และเพื่อทำให้ประชาชนลดการซื้อของจากสหรัฐ ฯลฯ

สหรัฐ: เป้าหมาย เพิ่ม GDP, ลดหนี้, ลดอำนาจจีน
-ดึงยุโรปกลับมาเป็นเพื่อน โดยทรัมป์เสนอยุติการเรียกเก็บภาษีรถยนต์จากยุโรป หากยุโรปปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐ ซึ่งนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ให้ EU ปรับลดอัตราภาษีต่อรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ ทำให้เสียงของ 28 ประเทศในยุโรป ไม่คิดส่งเรื่องไป WTO

-แต่หากมีประเทศฟ้อง WTO จำนวนมาก ทรัมป์ขู่จะตัดสินใจนำสหรัฐออกจาก WTO

-ขึ้นภาษีจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในสินค้าจีน 6,000 รายการ โดยเริ่มเก็บปลายเดือน ก.ย.2018 (กรณีนี้โดนสหประชาชาติชี้ผิดกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ แต่ทรัมป์ไม่แยแส) ฯลฯ

ผลกระทบต่อโลกและประเทศไทย
-ผลต่อการค้าโลก:การที่สหรัฐและจีนเปิดศึกการค้าต่อกัน  เป็นชนวนให้ลัทธิกีดกันการค้า (Protectionism) ขยายตัวไปทั่วโลกอย่างหลีกหนีไม่พ้น และปัญหาจากการตั้งกำแพงภาษีสูงจะทำให้ทิศทางการไหลของสินค้าไปยังประเทศอื่นแทนเพื่อระบายสต็อกสินค้า ส่งผลให้หลายประเทศอาจต้องเผชิญกับปัญหาสินค้าล้นตลาด และหรือขาดแคลน 

-ผลต่อสหรัฐโดยตรง: กรณีบริษัทธุรกิจยักษ์ 3,500 บริษัทพากันฟ้องทรัมป์ ให้ศาลคุ้มครองคำสั่งตั้งกำแพงภาษีสูงต่อจีน กระทบต้นทุนการผลิตเป็นเหตุให้ระบบการผลิตชะงัก แบบทุ่มหินใส่เท้าตัวเอง

-ผลทางบวกต่อประเทศไทย: จีนตอบโต้สหรัฐด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าในกลุ่มเนื้อหมู ผลไม้ ถั่ว ไวน์ และท่อเหล็ก และมีแนวโน้มที่จะนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆ เพื่อทดแทนการนำเข้าจากสหรัฐ ทั้งนี้ สินค้าในกลุ่มอาหาร ผลไม้ ถั่วและธัญพืช เป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการผลิต และสินค้าของไทยก็เป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวจีน สะท้อนได้จากสัดส่วนการนำเข้าที่สูงถึงร้อยละ 7.7 ของมูลค่านำเข้าทั้งหมดของจีนปี 2562