จากที่วันนี้(24 ต.ค.63) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง จุดร่วม คนไทย กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ
ทั้งนี้จำนวนหน่วยในการวิเคราะห์ทั้งสิ้น 3,135 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่าง 18 – 23 ตุลาคม พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา
เมื่อถามความเห็นของประชาชนต่อ ม็อบเยาวชน พบว่า ส่วนใหญ่ที่สุดหรือร้อยละ 96.7 ระบุควรจะชุมนุมเรียกร้องเฉพาะเรื่องการเมือง อย่าจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน ในขณะที่ร้อยละ 96.4 ระบุ เป็นการชุมนุมด้วยความสงบ ไม่วุ่นวาย เป็นความหวังให้ประเทศได้ ชุมนุมได้ดีกว่าม็อบเสื้อสีต่าง ๆ ที่สร้างความแตกแยกรุนแรงบานปลายในอดีต และร้อยละ 93.7 ระบุ ม็อบเยาวชน มีความเป็นระเบียบ เรียบร้อย สงบ ไม่รุนแรงบานปลาย เป็นแบบอย่างให้ ม็อบเยาวชนทั่วโลกทำตาม
ที่น่าสนใจคือ ความต้องการให้ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทำเพื่อเด็กและเยาวชน เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน พบว่า อันดับแรก ได้แก่ ช่วยเหลือให้เด็กมีอนาคตที่ดี มีงานทำ มีรายได้ดี ได้ 8.04 คะแนน รองลงมาอันดับสอง คือ เป็นแบบอย่างพลเมืองที่ดี มีจิตอาสา ช่วยเหลือเกื้อกูลเด็กและเยาวชน ได้ 7.94 คะแนน อันดับที่สามได้แก่ เป็นแบบอย่างที่ดี มีวินัย เป็นทั้งคนเก่ง คนดี คนกล้า ให้เยาวชนทำตาม ได้ 7.90 คะแนน อันดับที่สี่ ได้แก่ สำนึกรักชุมชนท้องถิ่น รู้คุณแผ่นดิน ปกป้องสถาบันหลักของชาติ ได้ 7.75 คะแนน และอันดับที่ห้า ได้แก่ มีทัศนคติที่ดีต่อชาติบ้านเมือง ได้ 7.49 คะแนน ตามลำดับ
ที่น่าพิจารณา คือ เมื่อถามถึง จุดร่วม คนไทย ระหว่างคนรุ่นใหม่ กับ คนรุ่นเก่า พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.1 ระบุ สำนึกรู้คุณแผ่นดิน สำนึกรักบ้านเกิด ชุมชนท้องถิ่น รองลงมาคือ ร้อยละ 63.4 ระบุ ความสะดวก สบาย ในขณะที่ร้อยละ 63.2 ระบุ มีทัศนคติที่ดีต่อชาติบ้านเมือง ร้อยละ 62.8 ระบุ ต้องการ ความปลอดภัยในชีวิต ร้อยละ 62.5 ระบุ เป็นพลเมืองที่ดี มีจิตอาสา ร้อยละ 62.1 ระบุ มีความมั่นคงในชีวิต ร้อยละ 61.8 ระบุ มีอนาคตที่ดี ร้อยละ 60.4 ระบุ มีงานทำ มีรายได้ดี และร้อยละ 58.8 ระบุ มองหา มหามิตรต่างชาติ จีน สหรัฐอเมริกา ช่วยทำประเทศไทยสงบสุข ไม่วุ่นวาย ไม่แทรกแซงภายในประเทศไทย
ที่น่าสนใจ คือ เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นคนดี จริงใจแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน ได้ 5.79 คะแนน ถือได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังสอบผ่าน มีความหมายว่า ประชาชนยังคงเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นคนดี จริงใจแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ม็อบเยาวชนเด็กไทยที่ทำต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันกว่า 3 เดือนแล้วเป็นม็อบที่วันนี้ค่อนข้างเรียบร้อย มีเหตุวุ่นวายบ้างเป็นจุด ๆ แตกต่างจากม็อบคนรุ่นใหม่ ฮ่องกง ที่ยาวนานกว่า 1 ปีจนเกิดความแตกแยกรุนแรงบานปลายในฮ่องกง เศรษฐกิจพังพินาศ ยิ่งกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางที่เกิดม็อบคนรุ่นใหม่ คนตะวันออกกลาง ยิ่งเสียหายหนักกว่า
แต่ม็อบเด็กเยาวชนไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าจะควบคุมได้ เพราะเด็กเยาวชนไทยส่วนใหญ่มีพื้นฐานจิตใจที่ดีบริสุทธิ์ เพียงแต่เจอขบวนการปั่นกระแสอันเป็นเท็จในโลกโซเชียลที่ส่วนใหญ่ แรง ๆ มาจากต่างประเทศ หรือ คนเพียงหยิบมือที่หลอกลวงให้เข้าใจผิดว่าอยู่ในต่างประเทศ ถ้าจะจัดการต้องจัดการกับพวกอยู่เบื้องหลังการปั่นกระแสแตกแยกของคนในชาติ ไม่งั้นจะกลายเป็นเล่นตามเกมของพวกจ้องทำลายประเทศไทย ไม่ใช่อยู่เหนือเกมนี้
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า การปั่นกระแสในโลกโซเชียลนี้ ทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อความแตกแยกของคนในชาติที่จะรุนแรงบานปลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าขาดการบริหารจัดการอารมณ์ของประชาชนที่ดี ทั้งบนโลกออนไลน์ (Online) และบนโลกจริงลงพื้นที่ (On-ground) ผลที่ตามมาคือ การคุกคาม ทำร้ายกลุ่มคนที่เห็นต่าง จะเกิดขึ้นในวงกว้างจนยากจะควบคุมได้ ดังนั้น “ชาติ สร้าง เยาวชน” คือ ทางออก โดยนำ จุดร่วม คนไทย มาวิเคราะห์ขยายผล ให้นายกรัฐมนตรีเร่งสั่งการทุกภาคส่วนของอำนาจรัฐ (State Power) และรณรงค์ประชาชนที่ไม่เกี่ยวกับอำนาจรัฐ (Non-State Power) ร่วมแรงร่วมใจตอบโจทย์ตรงเป้าความต้องการของกลุ่มย่อย ๆ เป็นการเฉพาะกลุ่มในม็อบเด็กเยาวชน เช่น กลุ่ม LGBT จะช่วย “ทอน” กำลังของ “ธร” และพรรคพวกเบื้องหน้าเบื้องหลัง ทำให้ม็อบฝ่อ ลงไปได้
“ในเวลาเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังสามารถเพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชนและฐานสนับสนุนได้มากขึ้นอีก โดยนำผลงานที่ริเริ่มในรัฐบาลปัจจุบันเกี่ยวข้องกับความหวัง (Hope) อนาคต (Future) ของกลุ่มเด็กและเยาวชน เช่น โครงการต่าง ๆ ของ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่เกิดขึ้นในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากจนพิเศษหลายแสนรายทั่วประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ดูแลพวกเขาและผู้ปกครองของพวกเขาให้มีงานทำ มีอนาคตที่ดี ตัวอย่างเหล่านี้ ทำไมรัฐบาลไม่เอามาขยายผลให้เด็ก ๆ รู้ เข้าใจ เชื่อมั่นและสนับสนุน ถ้าทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่มีกองทุนฯ นี้ ผลที่จะตามมาคือ ทัศนคติที่ดีของเด็กเยาวชนต่ออนาคตของตนเอง ต่อชาติบ้านเมือง ต่อสถาบัน และต่อรัฐบาลที่ดี ย่อมเกิดขึ้นจนสามารถเปลี่ยนจากการรับรู้ (Perception) กลายเป็นเรื่องราว (Story) ที่จดจำ (Remarkable) ได้ในกลุ่มประชาชนทั้งรุ่นใหม่ และรุ่นเก่าผู้รักชาติบ้านเมืองและสถาบันอย่างเข้มแข็ง” ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา กล่าว