ชิคาโกประกาศเคอร์ฟิวธุรกิจ!?!  4ทุ่มถึง 6โมงเช้า 2สัปดาห์ ขณะ 32 มลรัฐยอดป่วยและเสียชีวิตพุ่ง

1839

ทางการชิคาโกประกาศเคอร์ฟิว ปิดเมืองในตอนกลางคืนตั้งแต่ 4 ทุ่มถึง 6 โมงเช้าในวันถัดไป เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์เริ่มตั้งแต่วันนี้ 23 ต.ค.2563 เนื่องจากยอดผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 54%และมีผู้ติดเชื้อวันละ 640 ราย ขณะที่ทั่วสหรัฐ มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นหลังจากที่ทรงตัวและลดลงในเดือนที่ผ่านมา โดยสถิติกลับมาเริ่มพุ่งขึ้นในย่านมิดเวสต์และบางเมืองในทางภาคตะวันตก รัฐบาลทรัมป์ยังยืนยันเปิดเมืองกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลางการระบาดรอบใหม่ที่ขยายตัวในอัตราเร่งอย่างน่าวิตก

รายงานการเสียชีวิตเมื่อวันพุธที่ 21 ต.ค.2563 ในรอบ 7 วันที่ นับเป็นยอดสูงสุดในเดือนนี้
รายงานระดับประเทศคาดว่า 994 รายมีแนวโน้มเสียชีวิต และในที่สุดเสียชีวิตแล้ว 757 รายอยู่ระหว่างรักษา 419 ราย นับว่าสูงกว่าเมื่อเดือนเมษายน 3 เท่าซึ่งเป็นวันพีคสุดแล้ว
เมืองดาโกต้าและมอนทานากลายเป็นพื้นที่เสียชีวิตมากที่สุดในประเทศ
การเคอร์ฟิวธุรกิจที่ไม่จำเป็นเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ 23 ต.ค.2563 ตั้งแต่ 23:00 น.-06:00 น.เป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มพรวดถึง 54%และมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่ม 640 รายต่อวัน

ทางการชิคาโกประกาศ “เคอร์ฟิวทางธุรกิจ”ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 22 ต.ค.2563 เรียกร้องให้ธุรกิจทั้งหลายที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตปกติ ปิดทำการตั้งแต่เวลาสี่ทุ่มไปถึงหกโมงเช้าของวันรุ่งขึ้นโดยเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ 23 ต.ค.2563 เป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนในเบื้องต้น เพื่อทดลองว่าจะบรรเทาการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในการนี้ทางการระบุว่า ธุรกิจที่จำเป็นหมายรวมถึงกิจการบริการสั่งสินค้าจากบ้าน ซึ่งประกาศใช้ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ทางการสั่งปิดบริการร้านอาหาร บาร์ เครื่องดื่มโดยไม่มีใบอนุญาตขายอาหาร สำหรับภัตตาคาร,ร้านอาหารแนะนำให้ถือกลับบ้านโดยไม่นั่งที่ร้านจะได้รับอนุญาตให้ขาย แต่การบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อนุญาตถึง 3 ทุ่มเท่านั้น อนุญาตให้รวมกลุ่มไม่เกิน 6 คน ตามสถานที่ต่างๆ และเรียกร้องให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาทั้งภายในบ้านพักและออกนอกบ้าน

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเปิดเผยว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นกว่าเดิม 54% ป่วยวันละ 640 ราย และการตรวจเชื้อเพิ่มขึ้น 6.4% ทางการมองว่าเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวล เพราะป่วยเพิ่มขึ้นถึง 45%ในรอบ 1 เดือน ที่มลรัฐอิลลินอยส์ ถ้าเมืองที่มีมาตรการป้องกันโควิด (ที่ประกาศเป็น 11 รัฐสาธารณสุขแห่งภูมิภาค) มีผู้ป่วยเพิ่ม 8% ในรอบ 3 วัน การปิดเมืองในช่วงกลางคืนของร้านอาหารภัตตาคารเป็นสิ่งจำเป็น “ดูจากประสบการณ์จะเห็นการเพิ่มจำนวนผู้ป่วย และการประเมินคาดการณ์ ตามพื้นที่รหัสไปรษณีย์ และแยกตามกลุ่มอายุผู้ป่วย สอดคล้องกับการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุข” ผู้ว่าการรัฐลอรี ไลท์ฟู้ดกล่าวในแถลงการณ์

“การวิเคราะห์การติดเชื้อนี้สำหรับชิคาโก คำสั่งนี้เพื่อต่อสู้รับมือกับสถานการณ์ระบาดใหญ่ โดยพิจารณาจากสถิติ และวิทยาศาสตร์ของเชื้อโรค” คนชิคาโกที่ไม่ได้รับการตรวจเชื้อ และยังคงมีงานทำต้องแสดงความรับผิดชอบโดยการปฏิบัติตามคำแนะของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และเราจำเป็นต้องปิดเมืองอีกครั้งเพื่อสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตของคนอเมริกันในเมืองนี้ เพื่อกดจำนวนการเพิ่มผู้่ป่วยลงให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้” ผู้ว่าการรัฐฯกล่าวยืนยัน

ทั่วประเทศป่วย-เสียชีวิตพุ่งกว่า 32 มลรัฐแล้ว
ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 กลับเพิ่มขึ้นหลังจากทรงตัวและลดลงในเดือนที่ผ่านมา และกลับมาเริ่มพุ่งขึ้นในย่านมิดเวสต์และบางเมืองในทางภาคตะวันตกของสหรัฐ

รายงานการเสียชีวิตเมื่อวันพุธที่ 21 ต.ค.2563 ในรอบ 7 วันที่ นับเป็นยอดสูงสุดในเดือนนี้  รายงานระดับประเทศคาดว่า 994 รายมีแนวโน้มเสียชีวิต และในที่สุดเสียชีวิตแล้ว 757 รายอยู่ระหว่างรักษา 419 ราย นับว่าสูงกว่าเมื่อเดือนเมษายน 3 เท่าซึ่งเป็นวันพีคสุดแล้ว เมืองดาโกต้าและมอนทานากลายเป็นพื้นที่เสียชีวิตมากที่สุดในประเทศ 

ทั่วประเทศรายงานยอดป่วยติดเชื้อ 8.4 ล้านราย  วันที่ 22 ต.ค. ติดเชื้อ 75,049 ราย ระดับเปลี่ยนแปลงภายใน 14 วันคิดเป็น 32%,  เสียชีวิตทั้งประเทศคิดเป็น 223,023 ราย ในเดือน ต.ค. 828 รายระดับเปลี่ยนแปลง 14 วันคิดเป็น +9%

ย่านมิดเวสต์-ร็อคกีเม้าเทนพยายามควบคุมการลุกลามของการติดเชื้อในหมู่ประชาชนอย่างเต็มที่ เป็นย่านฮอตสป็อตในระดับประเทศไปแล้ว นอกจากนี้มลรัฐวิสคอนซิล, นอร์ทดาโกต้า จากที่มีผู้ติดเชื้อระดับต่ำสิบ กลายเป็นพุ่งขึ้นมากสุดในระดับประเทศ ส่วนอลาสกา, เวียมองก์และมอนตานา จากที่ลดลงกลายเป็นพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ

6 มลรัฐ มียอดผู้เสียชีวิตรายวันทำสถิติสูงสุดเมื่อวันพุธ (22 ต.ค.) คือรัฐฮาวาย แคนซัส ไอโอวา มินนิโซตา มอนทานา และ วิสคอนซิน ขณะที่ 32 รัฐ จากทั้งหมด 50 รัฐเข้าสู่โซนอันตราย เมื่อมีอัตราส่วนจำนวนเคสใหม่ต่อประชากร 100,000 คน สูงเกิน 100 ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศก็ทำสถิติสูงสุดนับจากเดือนกรกฎาคม
เท็กซัส  ป่วยติดเชื้อ 35,734 ราย และเพิ่่มขึ้น 18% จากสัปดาห์ก่อน
อิลลินอยส์              35,734 ราย        เพิ่มขึ้น  42%
แคลิฟอร์เนีย           20,596 ราย        เพิ่มขึ้น    9%
ฟลอริดา                 20,529 ราย        เพิ่มขึ้น  14%
วิสคอนซิน              16,912 ราย        เพิ่มขึ้น    8%

ในระดับประเทศ รัฐบาลกลางโดยปธน.ทรัมป์ ยังยืนกรานต่อต้านการบังคับใช้มาตรการจำกัดเข้มงวดต่างๆ เพื่อป้องกันโรคระบาดอีกครั้ง โดยอ้างเหตุผลว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจำเป็นสำหรับการที่ประชาชนจะต้องสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ